เมนู

รับสั่งให้มหาชนประชุมกัน ทรงแสดงธรรมด้วยคาถาเหล่านี้เป็นประจำ มหาชน
สดับธรรมนั้นแล้ว พากันทำบุญทั้งหลายมีทานเป็นต้น ได้ไปสู่เทวโลกเต็ม
บริบูรณ์ทั่วกัน.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย บัณฑิตทั้งหลายในปางก่อน ไม่ยินดีด้วยทานในภายนอก ได้ควัก
ดวงตาทั้งสองของตนบริจาคทานแก่ยาจกผู้มาถึงเฉพาะหน้าด้วยอาการอย่างนี้
แล้วทรงประกาศจตุราริยสัจ ประชุมชาดกว่า สีวิกแพทย์ในครั้งนั้นได้มาเป็น
พระอานนท์ ท้าวสักกเทวราชได้มาเป็นพระอนุรุทธะ ราชบริษัทที่เหลือ
ได้มาเป็นพุทธบริษัท ส่วนพระเจ้าสีวิราช ได้มาเป็นเราผู้ตถาคตฉะนี้แล.
จบอรรถกถาสีวิราชชาดก

4. สิริมันทชาดก



ว่าด้วยปัญญาประเสริฐ



[2084] ท่านอาจารย์เสนก เราขอถามเนื้อความ
นี้ บรรดาคนสองจำพวกคือ คนผู้สมบูรณ์ด้วยปัญญา
แต่เสื่อมจากสิริ กับคนที่มียศแต่ไร้ปัญญา นักปราชญ์
กล่าวคนไหนว่าประเสริฐ.

[2085] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชาราษฎร์
คนฉลาดหรือคนโง่ คนบริบูรณ์ด้วยศิลปะ หรือคน
หาศิลปะมิได้ แม้จะมีชาติสูง ก็ย่อมเป็นคนรับใช้ของ

ชนผู้มีชาติต่ำ แต่มียศ ข้าพระพุทธเจ้า เห็นความดังนี้
จึงขอกราบทูลว่า คนมีปัญญาเป็นคนเลวทราม คนมี
สิริแลเป็นคนประเสริฐ พระเจ้าข้า.

[2086] ดูก่อนมโหสถผู้มีปัญญาไม่ทราม ผู้เห็น
ธรรมสิ้นเชิง เราถามเจ้าในคนสองจำพวก คือคนพาล
ผู้มียศ กับบัณฑิตผู้ไม่มีโภคะ นักปราชญ์กล่าวคน
ไหนว่าประเสริฐ.

[2087] คนพาลกระทำกรรมอันชั่วช้า ก็สำคัญ
ว่าสิ่งนี้เท่านั้น ประเสริฐ เห็นแต่เพียงโลกนี้ ไม่เห็น
โลกหน้า ต้องได้รับเคราะห์ร้ายในโลกทั้งสอง ข้าพระ-
พุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญา
เท่านั้นประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะประเสริฐอะไร
พระเจ้าข้า.

[2089] ศิลปะนี้ก็ดี พวกพ้องก็ดี ร่างกายก็ดี
หาได้จัดโภคสมบัติมาให้ไม่ มหาชนย่อมคบหามหา-
โควินทเศรษฐีผู้มีน้ำลายไหล ออกจากคางทั้งสองข้าง
ผู้ได้รับความสุข มีสิริต่ำช้า ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อ
ความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเป็นคนเลวทราม
คนมีสิริเท่านั้น เป็นคนประเสริฐ พระเจ้าข้า.

[2089] คนมีปัญญาน้อย ได้รับความสุขแล้ว
ย่อมมัวเมา แม้ถูกความทุกข์กระทบแล้ว ย่อมถึงความ
หลง อันสุขทุกข์ที่จรมากระทบเข้าแล้ว ย่อมหวั่นไหว

ดุจปลาที่ดิ้นรนอยู่ในที่ร้อน ฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้า
เห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้น
ประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะประเสริฐอะไร พระเจ้าข้า.

[2090] ฝูงนกย่อมพากันบินเร่ร่อนไปมา โดย
รอบต้นไม้ที่มีผลดีในป่า ฉันใด คนเป็นอันมาก ย่อม
คบหาผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์ มีโภคสมบัติ เพราะเหตุต้อง
การทรัพย์ ก็ฉันนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้
จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเป็นคนเลวทราม คนมีสิริ
เท่านั้นเป็นคนประเสริฐ พระพุทธเจ้าข้า.

[2091] คนโง่ถึงจะมีกำลัง ก็หายังประโยชน์
ให้สำเร็จไม่ ได้ทรัพย์มาด้วยกรรมอันร้ายแรง นาย
นิรยบาลทั้งหลาย ย่อมฉุดคร่าเอาคนโง่ ผู้ไม่ฉลาด
คร่ำครวญอยู่ไปสู่นรกอันร้ายกาจ ข้าพระพุทธเจ้าเห็น
ข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้น
ประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะประเสริฐอะไร พระเจ้าข้า.

[2092] แม่น้ำแห่งใดแห่งหนึ่ง ย่อมไหลไปสู่
แม่น้ำคงคา แม่น้ำเหล่านั้นทั้งหมดเทียว ย่อมละทิ้ง
ชื่อและถิ่นเดิม แม่น้ำคงคาไหลไปถึงมหาสมุทร ย่อม
ไม่ปรากฏฉันใด คนในโลกนี้ที่มีฤทธิ์ยิ่งก็ไม่ปรากฏ
ฉันนั้นแล ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบ
ทูลว่า คนมีปัญญาเป็นคนเลวทราม คนมีสิริเท่านั้น
ประเสริฐ พระเจ้าข้า.

[2093] ข้าพระพุทธเจ้า จะกล่าวแก้ปัญหาที่
ท่านอาจารย์กล่าว แม่น้ำทั้งหลายย่อมไหลไปสู่ทะเล
ใหญ่ไม่ได้ตลอดกาลทั้งปวง ทะเลนั้นมีกำลังมากเป็น
นิตย์ มหาสมุทรย่อมไม่ล่วงเลยฝั่งไปได้ ฉันใด
กิจการที่คนโง่ประสงค์ก็ฉันนั้น คนมีสิริย่อมไม่ล่วงเลย
คนมีปัญญาไปได้ ไม่ว่าในกาลไหน ๆ ข้าพระพุทธเจ้า
เห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้น
ประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะประเสริฐอะไร.

[2094] ถ้าแม้คนมียศไม่สำรวมแล้ว ผู้อยู่ในที่
วินิจฉัยกล่าวข้อความแก่ชนเหล่าอื่น คำพูดของคนนั้น
ย่อมเจริญงอกงามในท่ามกลางญาติ คนมีปัญญายังคน
ผู้มีสิริต่ำช้าให้ทำตามคำของตนไม่ได้ ข้าพระพุทธเจ้า
เห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเป็นคน
เลวทราม คนมีสิริเท่านั้นเป็นคนประเสริฐ พระเจ้าข้า.

[2095] คนโง่หาปัญญามิได้ ย่อมกล่าวมุสา
เพราะเหตุแห่งบุคคลอื่นหรือแม้แห่งตน คนโง่นั้น
ย่อมถูกนินทาในท่ามกลางบริษัท แม้ภายหลังเขาก็
ต้องไปทุคติ ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึง
กราบทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้นประเสริฐ คนโง่ถึงมี
ยศจะประเสริฐอะไร พระเจ้าข้า.

[2096] ถ้าคนมีปัญญาดังแผ่นดิน ไม่มีที่อยู่
อาศัย ไม่มีทรัพย์ เป็นคนเข็ญใจกล่าวข้อความ คำพูด

ของเขานั้นย่อมไม่เจริญงอกงามในท่ามกลางบริษัท
อนึ่ง สิริของคนมีปัญญาย่อมไม่มี ข้าพระพุทธเจ้า
เห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเป็นคน
เลวทราม คนมีสิริเท่านั้นประเสริฐ พระเจ้าข้า.

[2097] คนผู้มีปัญญาดังแผ่นดิน ย่อมไม่กล่าว
คำเหลาะแหละ เพราะเหตุแห่งคนอื่น หรือแม้แห่งตน
บุคคลนั้นย่อมเป็นผู้อันมหาชน บูชาในท่ามกลางที่
ประชุม แม้ภายหลังเขาก็จะไปสุคติ ข้าพระพุทธเจ้า
เห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้น
ประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะประเสริฐอะไรพระเจ้าข้า.

[2098] ช้าง ม้า โค แก้วมณี กุณฑล และ
นารีทั้งหลาย ผู้เกิดในตระกูลที่มั่งคั่ง สิ่งทั้งปวงนั้น
ย่อมเป็นเครื่องอุปโภคของตนที่มั่งคั่ง คนทั้งหลายผู้
ไม่มั่งคั่ง ก็ย่อมเป็นเครื่องอุปโภคของคนที่มั่งคั่ง
ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คน
มีปัญญาเป็นคนเลวทราม คนมีสิริเท่านั้นประเสริฐ
พระเจ้าข้า.

[2099] สิริย่อมละคนโง่ ผู้ไม่จัดแจงการงาน
ไม่มีความคิด มีปัญญาทราม เหมือนงูละทิ้งคราบเก่า
ไปฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบ
ทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้นประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะ
ประเสริฐอะไร พระเจ้าข้า.

[2100] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้า
ทั้ง 5 คนเป็นบัณฑิต ทุกคนกราบไหว้บำรุงพระองค์
พระองค์เป็นอิสระ ครอบงำข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ดุจท้าวสักกเทวราช ผู้เป็นเจ้าแห่งหมู่สัตว์ ฉะนั้น
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบ
ทูลว่า คนมีปัญญาเป็นคนเลวทราม คนมีสิริเท่านั้น
ประเสริฐ พระเจ้าข้า.

[2101] คนโง่ถึงจะมียศ ก็เป็นทาสของคนมี
ปัญญา เมื่อกิจการต่าง ๆ เกิดขึ้น คนฉลาดย่อมจัดแจง
กิจอันละเอียดใด คนโง่ย่อมถึงความหลงใหลในกิจนั้น
ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คน
มีปัญญานั้นแลประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะประเสริฐ
อะไร พระเจ้าข้า.

[2102] แท้จริงสัตบุรุษทั้งหลาย สรรเสริญ
ปัญญาเท่านั้น สิริเป็นที่ใคร่ของคนโง่ เพราะมนุษย์
ทั้งหลายยินดีในโภคสมบัติ ก็ความรู้ของท่านผู้รู้
ทั้งหลาย ใคร ๆ ชั่งไม่ได้ในกาลไหน ๆ คนมีสิริ
ย่อมไม่ล่วงเลยคนมีปัญญาไปได้ ไม่ว่าในกาลไหน ๆ.

[2103] ดูก่อนมโหสถผู้เห็นธรรมทั้งสิ้น เรา
ได้ถามปัญหาข้อใดกะเจ้า เจ้าได้ประกาศปัญหาข้อนั้น
แก่เราแล้ว เรายินดีด้วยการแก้ปัญหาของเจ้า เราให้
โคพันหนึ่ง โคอุสุภราช ช้าง รถเทียมด้วยม้าอาชาไนย
10 ตัว และบ้านส่วย 16 ตำบลแก่เจ้า

จบสิริมันทชาดกที่ 4

อรรถกถาสิริเมณฑกชาดก



สิริเมณฑกปัญหานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ปญฺญายุเปตํ สิริยา วีหีนํ
จักมีแจ้งในมหาอุมมังคชาดก.
จบอรรถกถาสิริเมณฑกชาดก

5. โรหนมิคชาดก



ว่าด้วยความรักในสายเลือด



[2104] ดูก่อนน้องจิตตกะ ฝูงเนื้อเหล่านี้
กลัวความตาย จึงพากันหนีกลับไป ถึงเธอก็จงไปเสีย
เถิด อย่าห่วงพี่เลย เนื้อทั้งหลายจักมีชีวิตอยู่ร่วมกับเธอ.

[2105] พี่โรหนะ ฉันไม่ไป ถึงใครจะมาคร่า
เอาหัวใจของฉันไป ฉันก็จักไม่ทิ้งพี่ไป ฉันจักยอม
สละชีวิตอยู่ในที่นี้.

ก็มารดาบิดาทั้งสองของเรานั้น ท่านตาบอด
เมื่อไม่มีผู้ปรนนิบัตินำทาง จักต้องตายแน่ เธอจงไปเถิด
อย่าห่วงใยพี่เลย เนื้อทั้งหลายจักมีชีวิตอยู่ร่วมกับเธอ.

พี่โรหนะฉันไม่ยอมไป ถึงใครจักมาคร่าเอา
ดวงใจของฉันไป ฉันก็จักไม่ทิ้งพี่ผู้ถูกมัดไป ฉันจัก
ยอมทิ้งชีวิตไว้ในที่นี้.