เมนู

5. จุลลสุตโสมชาดก



ว่าด้วยพระเจ้าจุลลสุตโสมออกผนวช



[2519]

(พระมหาสัตว์ตรัสว่า) เราขอบอกชาว
เมือง มิตร อำมาตย์ และข้าราชบริพาร ผมที่เศียร
ของเราเกิดหงอกแล้ว บัดนี้ เราพอใจในบรรพชาเพศ.

[2512] (อำมาตย์กราบทูลว่า) อย่างไรหนอ
พระองค์จึงรับสั่ง ความไม่เจริญ แก่ข้าพระพุทธเจ้า
ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ พระองค์ทรงปักพระแสง-
ศรที่อกของข้าพระพุทธเจ้า พระชายาของพระองค์มี
ถึง 700 นาง พระนางเหล่านั้นของพระองค์ จักเป็น
อยู่อย่างไรหนอ ?

[2521] (พระมหาสัตว์ตรัสว่า) นางเหล่านั้นยัง
สาว จักปรากฏเอง นางเหล่านั้นจักไปพึ่งพิงพระราชา
องค์อื่นก็ได้ ส่วนเราปรารถนาสวรรค์ ด้วยเหตุดังนั้น
เราจึงจักบรรพชา.

[2522] (พระราชชนนีตรัสว่า) ดูก่อนพ่อสุตโสม
แม่ผู้เป็นมารดาของเจ้า ชื่อว่าได้รับความยาก เพราะ
เมื่อแม่พร่ำเพ้ออยู่เจ้าก็ไม่ห่วงใย จักบวชให้ได้.
ดูก่อนพ่อสุตโสม แม่คลอดเจ้าซึ่งเป็นผู้ที่แม่ได้
ด้วยความยากลำบาก เหตุไร เมื่อแม่พร่ำเพ้ออยู่ เจ้า
ไม่ห่วงใย จักบวชให้จงได้ ?

[2523] (พระราชบิดาตรัสว่า) ดูก่อนพ่อสุตโสม
ธรรมนั้นชื่ออะไร และการบวชชื่ออะไร เพราะว่า
เจ้าจะละทิ้งเราสองคนผู้แก่เฒ่าแล้ว ไม่ห่วงใย จะบวช
อย่างเดียว ?
[2524] แม้บุตรธิดาทั้งหลายของเจ้า ก็มีมาก
ยังเล็กนัก ยังไม่เป็นหนุ่มสาว กำลังฉอเลาะน่ารักใคร่
เมื่อไม่เห็นเจ้า น่าจะลำบากไปตาม ๆ กัน.

[2525] (พระมหาสัตว์ตรัสว่า) ความตั้งอยู่นาน
แล้วพลัดพรากจากกัน จากโอรสธิดาเหล่านี้ ของ
หม่อมฉัน ซึ่งกำลังเป็นเด็ก ยังไม่เจริญวัย ช่างฉอเลาะ
ก็ดี จากทูลกระหม่อมทั้งสองพระองค์ และสิ่งทั้งปวง
ไปก็ดี เป็นของเที่ยงแท้.

[2526] (พระชายาทั้งหลายทูลว่า) พระทัยของ
ทูลกระหม่อม จะตัดขาดเชียวหรือ หรือจะไม่ทรง
พระกรุณาหม่อมฉันทั้งหลาย ไยเล่าพระองค์จึงไม่
ทรงห่วงใย กระหม่อมฉันทั้งหลายผู้คร่ำครวญอยู่ จะ
เสด็จออกผนวชเสียให้ได้ทีเดียวหรือ เพคะ.

[2527] (พระมหาสัตว์ตรัสว่า) ใจของเรามิได้
ตัดขาด และเราก็มีความกรุณาในเธอทั้งหลาย แต่เรา
ปรารถนาสวรรค์ เพราะฉะนั้น จงจักออกบวช.

[2528] (พระอัครมเหสีตรัสว่า) ข้าแต่พระสุตโสม
ผู้ประเสริฐ หม่อมฉันผู้เป็นอัครมเหสีของพระองค์

ได้พระองค์มาด้วยความลำบาก เหตุไร เมื่อหม่อมฉัน
พร่ำเพ้ออยู่ พระองค์จึงมิได้ทรงเยื่อใย จะทรงผนวช
เสีย.
ข้าแต่พระสุตโสมผู้ประเสริฐ หม่อมฉันผู้เป็น
อัครมเหสีของพระองค์ ได้พระองค์มาด้วยความลำบาก
เหตุไร พระองค์จึงมิได้ทรงเยื่อใยสัตว์ผู้ถือปฏิสนธิ
ในครรภ์ของหม่อมฉัน จะทรงผนวชเสีย.
ครรภ์ของหม่อมฉันแก่แล้ว ขอพระองค์ทรง
รออยู่ จนกระทั่งหม่อมฉันประสูติ อย่าให้หม่อมฉัน
เป็นหม้ายอยู่แต่ผู้เดียว ต้องได้รับทุกข์ในภายหลังเลย.

[2529] (พระมหาสัตว์ตรัสว่า) ครรภ์ของเธอแก่
แล้ว ขอเชิญประสูติพระโอรส ซึ่งมีผิวพรรณไม่ทราม
เถิด ฉันจักละโอรส พร้อมทั้งเธอบวชให้จงได้.
[2530] ดูก่อนพระน้องนางจันทา เธออย่าร้อง
ไห้ไปเลย ดูก่อนนางผู้มีดวงตาเสมอด้วยดอกอัญชัน
เธออย่าเศร้าโศกไปเลย จงขึ้นสู่ปราสาทอันประเสริฐ
เสียเถิด เราไม่เยื่อใยจักไปบวช.

[2531] (พระโอรสองค์ใหญ่ทูลว่า) ข้าแต่เสด็จแม่
ใครทำให้เสด็จแม่ทรงพิโรธ เหตุไฉนเสด็จแม่จึงทรง
กันแสง และจ้องมองดูหม่อมฉันยิ่งนัก บรรดาพระ-
ประยูรญาติที่เห็นอยู่ หม่อมฉันจะฆ่าใคร ที่ควรรับสั่ง
ให้ฆ่า ?

[2532] (พระนางเทวีตรัสว่า) ลูกรัก ท่านผู้ใด
ทรงชนะในแผ่นดิน ท่านผู้นั้นเจ้าไม่อาจจะฆ่าได้เลย
พระบิดาของเจ้าได้ตรัสกะแม่ว่า ฉันไม่มีความห่วงใย
จักไปบวช.

[2533] (พระโอรสองค์ใหญ่ทูลว่า) เมื่อก่อนเรา
เคยไปเที่ยวสวนด้วยรถ และรบกันด้วยช้างตกมัน เมื่อ
พระราชบิดาสุตโสมทรงผนวชแล้ว คราวนี้เราจักทำ
อย่างไร ?

[2534] (พระโอรสองค์น้อยทูลว่า) เมื่อพระมารดา
ของหม่อมฉันทรงกันแสงอยู่ และเมื่อพระเชษฐภาดา
ไม่ทรงยินยอม หม่อมฉันก็จักยึดพระหัตถ์ทั้งสองของ
พระบิดาไว้ เมื่อหม่อมฉันทั้งหลายไม่ยินยอม พระบิดา
จะยังเสด็จไปไม่ได้.

[2535] (พระมหาสัตว์ตรัสว่า) แม่นมเอ๋ย เชิญ
แม่ลุกขึ้นเถิด แม่จงพาพระกุมารนี้ ไปเล่นให้รื่นรมย์
เสียในที่อื่น เมื่อเรากำลังปรารถนาสวรรค์ กุมารนี้
อย่าทำอันตรายแก่เราเลย.

[2536] (พระพี่เลี้ยงกล่าวว่า) ไฉนหนอพระราชา
จึงทรงประทานแก้วมณี อันมีแสงสว่างนี้ เราจะ
ประโยชน์อะไรด้วยแก้วมณีนี้ เมื่อพระเจ้าสุตโสม
ทรงผนวชแล้ว เราจักทำอะไรได้ กับแก้วมณีนี้.

[2537] (เสนาคุตตอำมาตย์ทูลว่า) พระคลังน้อย
ของพระองค์ยังไพบูลย์ และพระคลังใหญ่ของพระองค์
ก็บริบูรณ์ ปฐพีมณฑลพระองค์ก็ทรงชนะแล้ว ขอ
พระองค์จงทรงยินดีเถิด อย่าทรงผนวชเลยพระเจ้าข้า.

[2538] (พระมหาสัตว์ตรัสว่า) คลังน้อยของเรา
ก็ไพบูลย์ คลังใหญ่ของเราก็บริบูรณ์ และปฐพีมณฑล
เราก็ชนะแล้ว แต่เราจักละสิ่งนั้น ๆ ออกบวช.

[2539] (กุลพันธเศรษฐีทูลว่า) ขอเดชะ ทรัพย์
ของข้าพระพุทธเจ้ามีมากมาย ข้าพระพุทธเจ้าไม่
สามารถจะนับได้ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายทรัพย์
ทั้งหมดนั้น แด่พระองค์ ขอพระองค์จงทรงยินดี อย่า
ทรงผนวชเลย พระพุทธเจ้าข้า.

[2540] (พระมหาสัตว์ตรัสว่า) ดูก่อนท่าน
กุลวัฒนเศรษฐี เรารู้ว่าทรัพย์ของท่านมีมาก และท่าน
ก็บูชาเรา แต่เราปรารถนาสวรรค์ เพราะฉะนั้น เรา
จึงจักต้องบวช.
[2541] ดูก่อนพ่อโสมทัต เราเป็นผู้กระสันนัก
ความไม่ยินดีย่อมมาครอบงำเรา อันตรายมีมาก เราจัก
บวชให้ได้ในวันนี้ทีเดียว.

[2542] (พระอนุชาโสมทัตทูลว่า) ข้าแต่พระเจ้า
พี่สุตโสม แม้กิจนี้พระองค์ทรงพอพระทัย ขอพระองค์
ทรงผนวช ณ บัดนี้ แม้หม่อมฉันก็จักบวชในวันนี้
ทีเดียว หม่อมฉันไม่อาจอยู่ห่างพระองค์ได้.

[2543] (พระมหาสัตว์ตรัสว่า) เธอจักบวชยัง
ไม่ได้ เพราะว่าใคร ๆ ในพระนครและคามนิคม
ชนบท จะไม่พากันหุงต้ม.

[2544] (มหาชนพากันร่ำไห้ว่า) เมื่อพระเจ้า
สุตโสม ทรงผนวชเสียแล้ว บัดนี้ ข้าพระพุทธเจ้า
ทั้งหลาย จักทำอย่างไรเล่า พระเจ้าข้า ?

[2545] (พระมหาสัตว์ตรัสว่า) เราเข้าใจว่า
ชีวิตนี้ ถูกชรานำเข้าไป เป็นของนิดหน่อย ดุจน้ำ
ในโคลนฉะนั้น เมื่อชีวิตเป็นของน้อยเหลือเกินอย่างนี้
เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะประมาทเลย.
เราเข้าใจว่า ชีวิตนี้ถูกชรานำเข้าไป เป็นของ
นิดหน่อย ดุจน้ำในโคลนฉะนั้น เมื่อชีวิตเป็นของน้อย
เหลือเกินอย่างนี้ แต่พวกคนพาล ย่อมพากันประมาท.
คนพาลเหล่านั้น อันเครื่องผูกคือตัณหาผูกไว้
แล้ว ย่อมยังนรก กำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน เปรตวิสัย
และอสุรกายให้เจริญ.

[2546] (มหาชนกล่าวว่า) กลุ่มธุลีตั้งขึ้นไม่ไกล
ปุปผกปราสาท ชะรอยพระธรรมราชาผู้เรืองยศของ
พวกเรา จะทรงตัดพระเกศาเสียแล้ว.

[2547] (ชาวพระนครปริเทวนาการว่า) พระราชา
ทรงห้อมล้อมด้วยพระสนมนางใน เสด็จไปเที่ยวยัง
ปราสาทใด นี่คือปราสาทของพระองค์ เกลื่อนกล่น
ไปด้วยสุวรรณบุปผามาลัย.

พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วยหมู่พระประยูรญาติ
เสด็จเที่ยวไปยังปราสาทใด นี่คือปราสาทของพระองค์
แพรวพราวไปด้วยสุวรรณบุปผามาลัย.
พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วย พระสนมนางใน
เสด็จเที่ยวไปยังกูฏาคารใด นี่คือกูฏาคารของพระองค์
เกลื่อนกล่นไปด้วยสุวรรณบุปผามาลัย.
พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วย หมู่พระประยูร-
ญาติ เสด็จเที่ยวไปยังกูฏาคารใด นี้คือกูฏาคารของ
พระองค์ เกลื่อนกล่นไปด้วยสุวรรณบุปผามาลัย.
พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วยพระสนมนางใน
เสด็จเที่ยวไปยังสวนอโศกวันใด นี่คือสวนอโศกวัน
ของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์ตลอด
กาลทั้งปวง.
พระราชาทรงห้อมล้อมด้วยพระประยูรญาติ
เสด็จเที่ยวไปยังสวนอโศกวันใด นี่คือสวนอโศกวัน
ของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์
ตลอดกาลทั้งปวง.
พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วยพระสนมนางใน
เสด็จเที่ยวไปยังพระราชอุทยานใด นี่คือพระราช-
อุทยานของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์
ตลอดกาลทั้งปวง.
พระราชาทรงห้อมล้อมด้วยหมู่พระประยูรญาติ
เสด็จเที่ยวไปยังพระราชอุทยานใด นี่คือพระราช

อุทยานของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์
ตลอดกาลทั้งปวง.
พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วยพระสนมกำนัลใน
เสด็จเที่ยวไปยังสวนกรรณิการ์ใด นี่คือสวนกรรณิการ์
ของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์
ตลอดกาลทั้งปวง.
พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วยหมู่พระประยูรญาติ
เสด็จเที่ยวไปยังสวนกรรณิการ์ใด นี่คือสวนกรรณิการ์
ของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์
ตลอลกาลทั้งปวง.
พระราชาทรงห้อมล้อมด้วยพระสนมนางใน
เสด็จเที่ยวไปยังสวนปาฏลิวันใด นี่คือสวนปาฏลิวัน
นั้นของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์
ตลอดกาลทั้งปวง.
พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วยหมู่พระประยูรญาติ
ญาติ เสด็จเที่ยวไปยังสวนปาฏลิวันใด นี่คือสวน
ปาฏลิวันของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์
ตลอดกาล.
พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วยพระสนมนางใน
เสด็จเที่ยวไปยังสวนอัมพวันใด นี่คือสวนอัมพวัน
ของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์
ตลอดกาลทั้งปวง.
พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วยหมู่พระประยูรญาติ
เสด็จเที่ยวไปยังสวนอัมพวันใด นี่คือสวนอัมพวันของ

พระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์ตลอดกาล
ทั้งปวง.
พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วยพระสนมนางใน
เสด็จเที่ยวไปยังสระโบกขรณีใด นี้คือสระโบกขรณี
ของพระองค์ ดาดาษไปด้วยบุปผชาตินานาชนิด
เกลื่อนกล่นไปด้วยฝูงวิหก.
พระราชาทรงห้อมล้อมไปด้วยหมู่พระประยูรญาติ
เสด็จเที่ยวไปยังสระโบกขรณีใด นี้คือสระโบกขรณี
ของพระองค์ ดาดาษไปด้วยบุปผชาตินานาชนิด
เกลื่อนกล่นไปด้วยฝูงวิหก.

[2548] (มหาชนกล่าวว่า) พระเจ้าสุตโสมทรง
สละราชสมบัตินี้แล้ว เสด็จออกทรงผนวช ทรงผ้า-
กาสาวพัสตร์ เที่ยวไปพระองค์เดียว เหมือนช้างตัว
ประเสริฐ ฉะนั้น.

[2549] (พระมหาสัตว์ตรัสว่า) ท่านทั้งหลายอย่า
ระลึกถึงความยินดีการเล่น และการร่าเริงในกาล
ก่อนเลย กามทั้งหลายอย่าทำลายท่านทั้งหลายได้เลย
จริงอยู่ สุทัสนนคร น่ารื่นรมย์ยิ่งนัก ท่านทั้งหลาย
จงเจริญเมตตาจิต อันหาประมาณมิได้ ทั้งกลางวัน
และกลางคืนเถิด เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านทั้งหลายจะได้
ไปสู่เทพบุรี อันเป็นที่อยู่ของท่านผู้มีบุญกรรม.

จบจุลลสุตโสมชาดกที่ 5

อรรถกถาจุลลสุตโสมชาดก



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ
เนกขัมมบารมี ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า อามนฺตยามิ นิคมํ
ดังนี้.
เรื่องปัจจุบันนิทาน เช่นเดียวกับในมหานารทกัสสปชาดก. (ส่วนอดีต
นิทานมีดังต่อไปนี้)
ก็ในอดีตกาล พระนครพาราณสีได้มีชื่อว่า " สุทัสน นคร " พระ-
ราชาทรงพระนามว่าพรหมทัต เสด็จประทับอยู่ในพระนครนั้น พระโพธิสัตว์
ทรงบังเกิดในพระครรภ์แห่งพระอัครมเหสีของท้าวเธอ ล่วงไปได้ 10 เดือน
ก็ประสูติจากพระครรภ์ของพระมารดา ก็พระพักตร์ของพระกุมารนั้น มีสิริ
ประหนึ่งดวงจันทร์ในวันเพ็ญ ด้วยเหตุนั้น พระชนกชนนีจึงทรงขนานพระ-
นามว่า " โสมกุมาร ". ราชกุมารนั้นพอรู้เดียงสาแล้ว เป็นผู้สนใจในสุตะ
มีการฟังเป็นปกติ ด้วยเหตุนั้น ชาวประชาจึงถวายพระนามว่า " สุตโสม "
ครั้นเจริญวัยแล้ว พระราชกุมาร เสด็จไปเรียนศิลปศาสตร์ในเมืองตักกศิลา
เสด็จกลับมา ก็ได้เศวตฉัตรของพระชนก เสวยราชสมบัติโดยธรรม ได้มี
พระอิสริยยศยิ่งใหญ่ พระองค์มีสนมกำนัลใน หมื่นหกพันนาง มีพระนาง-
จันทาเทวีเป็นประธาน. ในเวลาต่อมา ท้าวเธอก็เจริญด้วยพระโอรสธิดาจนไม่
ทรงยินดีด้วยฆราวาสวิสัย มีพระประสงค์ที่จะเสด็จไปสู่ป่า ทรงผนวช. วันหนึ่ง
จึงตรัสเรียกนายภูษามาลามาตรัสสั่งว่า แน่ะเจ้า เมื่อใด เจ้าเห็นผมที่เศียรของ
เราหงอกแล้ว เจ้าพึงบอกเราเมื่อนั้น. นายภูษามาลาก็รับพระราชดำรัสของ
ท้าวเธอ เวลาต่อมา ก็เห็นพระเกศาหงอกจึงกราบทูลให้ทรงทราบ เมื่อพระ