เมนู

อรรถกถาทกรักขสชาดก



ทกรักขสชาดก มีคำเริ่มต้นว่า สเจ โว วุยฺหมานํ ดังนี้ทั้งหมดนั้น
จักมีแจ้งในมหาอุมมังคชาดก.
จบอรรถกถาทกรักขสชาดก

8. ปัณฑรกชาดก



ไม่ควรบอกความลับแก่คนอื่น



[2387] ภัยเกิดจากตนเอง ย่อมตามถึงบุคคล
ผู้ไร้ปัญญา พูดพล่อย ๆ ไม่ปิดบังความรู้ ขาดความ
ระมัดระวัง ขาดความพินิจพิจารณา เหมือนครุฑตาม
ถึงเราผู้ปัณฑรกนาคราชฉะนั้น.
นรชนใด ยินดีบอกมนต์ลึกลับ ที่ตนควรจะรักษา
แก่คนชั่ว เพราะความหลง ภัยย่อมตามถึงนรชนนั้น
ผู้มีมนต์อันแพร่งพรายแล้วโดยพลัน เหมือนครุฑตาม
ถึงเรา ผู้ปัณฑรกนาคราชฉะนั้น.
มิตรเทียมไม่ควรจะให้รู้เหตุสำคัญ อันลึกลับ ถึง
มิตรแท้แต่เป็นคนโง่ หรือมีปัญญาแต่ประพฤติสิ่งที่
ไม่เป็นประโยชน์ ก็ไม่ควรจะให้รู้ความลับเหมือนกัน.

เราได้ถึงความคุ้นเคย กับชีเปลือย ด้วยเข้าใจว่า
สมณะนี้โลกเขานับถือ มีตนอันอบรมดีแล้ว ได้บอก
เปิดเผยความลับแก่มัน จึงได้ล่วงเลยประโยชน์ ร้องไห้
อยู่ ดุจคนกำพร้าฉะนั้น.
ดูก่อนพญาครุฑผู้ประเสริฐ เมื่อก่อนเรามีวาจา
ปกปิด ไม่บอกความลับแก่มัน แต่ก็ไม่อาจจะระมัด
ระวังได้ แท้จริงภัยได้มาถึงเราจากทางชีเปลือยนั้น
เราจึงได้ล่วงเลยประโยชน์ร้องไห้อยู่ ดุจคนกำพร้า
ฉะนั้น.
นรชนได้สำคัญว่า ผู้นี้มีใจดี บอกความลับกะ
คนสกุลทราม นรชนนั้นเป็นคนโง่เขลา ทรุดโทรมลง
โดยไม่ต้องสงสัย เพราะโทสาคติ ภยาคติ หรือเพราะ
ฉันทาคติ.
ผู้ใดปากบอน นับเข้าในพวกอสัตบุรุษ ชอบ
กล่าวถ้อยคำในที่ประชุมชน นักปราชญ์ทั้งหลายเรียก
ผู้นั้นว่า ผู้มีปากชั่วร้าย คล้ายอสรพิษ ควรระมัดระวัง
คนเช่นนั้น เสียให้ห่างไกล.
เราได้ละทิ้งข้าว น้ำ ผ้าแคว้นกาสี และจุรณ-
จันทน์ สตรีที่เจริญใจ ดอกไม้และเครื่องชโลมทา
ซึ่งเป็นส่วนกามารมย์ทั้งปวงไปหมดแล้ว ดูก่อน
พญาครุฑ เราขอถึงท่านเป็นสรณะด้วยชีวิต.

[2388] ดูก่อนปัณฑรกนาคราช บรรดาสัตว์
ทั้ง 3 จำพวก คือ สมณะ ครุฑ และนาค ใครหนอ
ควรจะได้รับคำติเตียนในโลกนี้ ที่จริงตัวท่านนั่นแหละ
ควรจะได้รับ ท่านถูกครุฑจับ เพราะเหตุไร.
[2389] ชีเปลือยนั้นเป็นผู้มีอัตภาพ อันเรา
ยกย่องว่าเป็นสมณะ เป็นที่รักของเรา ทั้งเป็นผู้อันเรา
ยกย่องด้วยใจจริง เราจึงบอกเปิดเผยความลับแก่มัน
เราเป็นคนขาดประโยชน์แล้ว ต้องร้องไห้อยู่ ดุจคน
กำพร้าฉะนั้น.
[2390] แท้จริงสัตว์ที่จะไม่ตายไม่มีเลย ใน
แผ่นดิน ธรรมชาติเช่นกับปัญญาไม่ควรติเตียน คน
ในโลกนี้ ย่อมบรรลุคุณวิเศษที่ยังไม่ได้ เพราะสัจจ-
ธรรม ปัญญา และทมะ.
มารดาบิดา เป็นยอดเยี่ยมแห่งเผ่าพันธุ์ คนที่
สามชื่อว่ามีความอนุเคราะห์แก่บุตรนั้นไม่มีเลย เมื่อ
รังเกียจว่ามนต์จะแตก ก็ไม่ควรบอกความลับสำคัญ
แม้แก่มารดาบิดานั้น.
เมื่อบุคคลรังเกียจว่ามนต์จะแตก ก็ไม่ควร
แพร่งพรายความลับที่สำคัญ แม้แก่มารดา บิดา พี่สาว
น้องสาว พี่ชาย น้องชาย หรือแก่สหาย แก่ญาติ
ฝ่ายเดียวกับตน.
ถ้าภรรยาสาวพูดไพเราะ ถึงพร้อมด้วยบุตรธิดา
รูปและยศ ห้อมล้อมด้วยหมู่ญาติ จะพึงกล่าวอ้อนวอน

สามีให้บอกความลับ เมื่อรังเกียจว่ามนต์จะแตก ก็ไม่
ควรแพร่งพรายความลับสำคัญ แม้แก่ภรรยานั้น.
[2391] บุคคลไม่ควรเปิดเผยความลับเลย
ควรรักษาความลับนั้นไว้ เหมือนรักษาขุมทรัพย์
ความลับอันบุคคลอื่นรู้เข้า ทำให้แพร่งพรายไม่ดีเลย.
คนฉลาดไม่ควรขยายความลับแก่สตรี ศัตรู
คนมุ่งอามิส และแก่คนผู้หมายล้วงดวงใจ.
คนใดให้ผู้ไม่มีความคิดล่วงรู้ความลับ ถึงแม้
เขาจะเป็นคนใช้ของตน ก็จำต้องอดกลั้นไว้ เพราะ
กลัวความคิดจะแตก.
คนมีประมาณเท่าใด รู้ความลับที่ปรึกษากันของ
บุรุษ คนมีประมาณเท่านั้น ย่อมขู่ให้บุรุษนั้นหวาด
กลัวได้ เพราะเหตุนั้น จึงไม่ควรขยายความลับ.
ในกลางวันก็ดี กลางคืนก็ดี ควรพูดเปิดเผย
ความลับในที่สงัด ไม่ควรเปล่งวาจาให้เกินเวลา
เพราะคนที่คอยแอบฟัง ก็จะได้ยินข้อความที่ปรึกษา
กัน เพราะเหตุนั้น ข้อความที่ปรึกษากัน ก็จะถึง
ความแพร่งพรายทันที.
[2392] ผู้มีความคิดลี้ลับในโลกนี้ ย่อมปรากฏ
แก่เรา เปรียบเหมือนนครอันล้วนแล้วด้วยเหล็กใหญ่โต
ไม่มีประตู เจริญด้วยเรือนโรง ล้วนแต่เหล็ก ประกอบ
ด้วยคู อันขุดไว้โดยรอบฉะนั้น.

ดูก่อนปัณฑรกนาคราช ผู้มีลิ้นชั่ว คนจำพวกใด
มีความคิดลี้ลับ ต้องไม่พูดแพร่งพราย มั่นคงใน
ประโยชน์ของตน ย่อมเว้นไกลจากอมิตรทั้งหลาย
จำพวกเหล่านั้น ดุจคนผู้รักชีวิตเว้นไกลจากหมู่อสรพิษ
ฉะนั้น.
[2393] อเจลกชีเปลือย ละเรือนออกบวช มี
ศีรษะโล้น เที่ยวไปเพราะเหตุแห่งอาหาร เราได้ขยาย
ความลับแก่มันซิหนอ เราจึงเป็นผู้ปราศจากประโยชน์
และธรรม.
ดูก่อนพญาครุฑ บุคคลผู้ละสิ่งที่ยึดถือว่าเป็น
ของเราแล้ว มาประพฤติเป็นนักบวช มีการกระทำ
อย่างไร มีศีลอย่างไร ประพฤติพรตอย่างไร จึงจะ
ชื่อว่าเป็นสมณะ สมณะนั้นมีการกระทำอย่างไร จึง
จะเข้าถึงแดนสวรรค์.
[2394] บุคคลผู้ละสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นของเรา
แล้ว มาประพฤติเป็นนักบวช ต้องประกอบด้วยความ
ละอาย ความอดกลั้น ความฝึกตน ความอดทน
ไม่โกรธง่าย ละวาจาส่อเสียด จึงจะชื่อว่าเป็นสมณะ
สมณะนั้นมีการกระทำอย่างนี้ จึงจะเข้าถึงแดนสวรรค์.
[2395] ข้าแต่พญาครุฑ ขอท่านจงปรากฏแก่
ข้าพเจ้า เหมือนมารดาที่กกกอดลูกอ่อนที่เกิดแต่ตน

แผ่ร่างกายทุกส่วนสัดปกป้อง หรือดุจมารดาผู้เอ็นดู
บุตรฉะนั้นเถิด.
[2396] ดูก่อนพญานาคราชผู้มีลิ้นชั่ว เอาเถอะ
ท่านจงพ้นจากการถูกฆ่าในวันนี้ ก็บุตรมี 3 จำพวก
คือ ศิษย์ 1 บุตรบุญธรรม 1 บุตรตัว 1 บุตรอื่นหา
มีไม่ ท่านยินดีจะเป็นบุตร จำพวกไหนของเรา.
[2397] พญาครุฑจอมทิชชาติ กล่าวอย่างนี้
แล้ว ก็โผลงจับที่แผ่นดิน แล้วปล่อยพญานาคไป
ด้วยกล่าวว่า วันนี้ท่านรอดพ้น ล่วงสรรพภัยแล้ว จง
เป็นผู้อันเราคุ้มครองแล้ว ทั้งทางบกทางน้ำ.
หมอผู้ฉลาดเป็นที่พึ่งของคนไข้ได้ฉันใด ห้วงน้ำ
อันเย็น เป็นที่พึ่งของคนหิวระหายได้ฉันใด สถาน
ที่พักเป็นที่พึ่งของคนเดินทางได้ฉันใด เราก็จะเป็น
ที่พึ่งของท่านฉันนั้น.
[2398] แน่ะท่านผู้ชลาพุชชาติ ท่านแยก-
เขี้ยวจะขบ มองดูดังจะทำกับศัตรูผู้อัณฑชชาติ ภัย
ของท่านมีมาจากไหนกัน.
[2399] บุคคลพึงรังเกียจในศัตรูทีเดียว แม้ใน
มิตร ไม่ควรไว้วางใจ ภัยเกิดขึ้นได้จากที่ที่ไม่มีภัย
มิตรย่อมตัดโค่นรากได้แท้จริง.

จะพึงไว้วางใจในบุคคลที่ทำการทะเลาะกันมา
แล้วอย่างไรได้เล่า ผู้ใดดำรงอยู่ได้ด้วยการเตรียมตัว
เป็นนิตย์ ผู้นั้นย่อมไม่ยินดีกับศัตรูของตน.
บุคคลพึงทำให้เป็นที่ไว้วางใจของคนอื่น แต่ไม่
ควรจะวางใจคนอื่นจนเกินไป ตนเองอย่าให้คนอื่น
รังเกียจได้ แต่ควรรังเกียจเขา วิญญูชนพึงพากเพียร
ไปด้วยอาการที่ฝ่ายปรปักษ์จะรู้ไม่ได้.
[2400] สัตว์ทั้งสองผู้มีเพศพรรณดังเทวดา
สุขุมาลชาติเช่นเดียวกัน อาจผจญได้ดี มีบุญบารมี
ได้ทำไว้ เคล้าคลึงกันไปราวกะว่าม้าเทียมรถ พากัน
เข้าไปหากรัมปิยอเจลก.
[2401] ลำดับนั้น ปัณฑรกนาคราช เข้าไปหา
ชีเปลือยแต่ลำพังตนเท่านั้น แล้วได้กล่าวว่า วันนี้
เรารอดพ้นความตาย ล่วงภัยทั้งปวงแล้ว คงไม่เป็น
ที่รักที่พอใจท่านเสียเลยเป็นแน่.
[2402] พญาครุฑเป็นที่รักของเรา ยิ่งกว่า
ปัณฑรกนาคราช อย่างแท้จริง โดยไม่ต้องสงสัย
เรามีความรักใคร่ในพญาครุฑ ทั้งที่รู้ ได้กระทำ
กรรมอันลามก ไม่ใช่ทำเพราะความลุ่มหลงเลย.
[2403] ความถือว่า สิ่งนี้เป็นที่รักของเรา
หรือสิ่งนี้ไม่เป็นที่รักของเรา ดังนี้ ย่อมไม่มีแก่บรรพชิต

ผู้พิจารณาเห็นโลกนี้และโลกหน้า ก็ท่านเป็นคนไม่
สำรวม แต่ประพฤติลวงโลก ด้วยเพศของผู้สำรวมดี.
ท่านไม่เป็นอริยะ แต่ปลอมตัวเป็นอริยะ ไม่ใช่
คนสำรวม แต่ทำคล้ายคนสำรวม ท่านเป็นคนชาติ
เลวทราม ไม่ใช่คนประเสริฐ ได้ประพฤติบาปทุจริต
เป็นอันมาก.
[2404] แน่ะเจ้าคนเลวทราม เจ้าประทุษร้าย
ต่อผู้ไม่ประทุษร้าย ทั้งเป็นคนส่อเสียด ด้วยคำสัตย์นี้
ขอศีรษะของเจ้าจงแตกออกเป็นเจ็ดเสี่ยง.
[2405] เพราะเหตุนั้นแล บุคคลไม่พึงประ-
ทุษร้ายต่อมิตร เพราะผู้ประทุษร้ายมิตร เป็นคน
เลวทรามที่สุด จะหาคนอื่นที่เลวกว่าเป็นไม่มี ชีเปลือย
ถูกอสรพิษกำจัดแล้วในแผ่นดิน ทั้งได้ปฏิญญาว่า
เรามีสังวร ก็ได้ถูกทำลายลง ด้วยคำของพญานาคราช.

จบปัณฑรกชาดกที่ 8

อรรถกถาปัณฑรกชาดก



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ
การที่พระเทวทัตทำมุสาวาทแล้วถูกแผ่นดินสูบ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ
เริ่มต้นว่า วิกิณฺณวาจํ ดังนี้.
ความย่อว่า เมื่อพวกภิกษุพากันกล่าวโทษพระเทวทัต ในคราวนั้น
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้
ในชาติก่อน พระเทวทัตก็กระทำมุสาวาท ถูกแผ่นดินสูบแล้วเหมือนกันดังนี้
แล้วทรงนำอดีตนิทานมาตรัส ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต เสวยราชสมบัติในพระนครพา
ราณสี
พ่อค้า 500 คน แล่นสำเภาไปยังมหาสมุทร ในวันคำรบเจ็ด สำเภาอัน
อยู่ในที่ซึ่งแลไม่เห็นฝั่ง ได้แตกลงในหลังมหาสมุทร ผู้คนได้เป็นเหยื่อแห่งปลา
และเต่าหมด มีเหลือเพียงคนเดียว ก็บุรุษที่เหลือคนเดียวนั้น ด้วยกำลังลมพัด
ลอยไปถึงท่าชื่อกทัมพิยะ เขาขึ้นจากทะเลได้แล้ว เปลือยกายล่อนจ้อน เที่ยว
ขอทานตามท่านั้น. มนุษย์ทั้งหลายเห็นเขาเข้า ก็พากันสรรเสริญว่า ท่านผู้นี้
เป็นสมณะ มักน้อยสันโดษ แล้วทำสักการะบูชา. เขาคิดว่า เราได้ช่องทาง
หาเลี้ยงชีพแล้ว แม้เมื่อชนเหล่านั้นให้เครื่องนุ่งห่ม ก็มิได้ปรารถนา ชน-
เหล่านั้นเข้าใจว่า สมณะผู้มักน้อยยิ่งกว่าท่านผู้นี้ไม่มี ดังนี้แล้วพากันเลื่อมใส
ยิ่งขึ้น ช่วยกันสร้างอาศรมบทให้ชีเปลือยนั้นพำนักอยู่ที่นั้น. เขามีชื่อปรากฏว่า
กทัมพิยอเจลก เมื่อเขาอยู่ ณ ที่นั้น ลาภสักการะเกิดขึ้นมากมาย.
พญานาคราชตนหนึ่ง กับพญาครุฑตนหนึ่ง พากันมายังที่บำรุงของ
ชีเปลือยนั้น ในพญาสัตว์ทั้งสองนั้น พญานาคชื่อว่า ปัณฑรกนาคราช. อยู่มา