เมนู

2. ภุมภชาดก



ว่าด้วยโทษของสุรา



[2292]

(พระเจ้าสัพพมิตต์ตรัสถามว่า) ท่านเป็น
ใคร มาจากไตรทิพย์หรือ จึงเปล่งรัศมีสว่างไสว
อยู่ในนภากาศ เหมือนพระจันทร์ส่องสว่างในยาม
รัตติกาล ฉะนั้น รัศมีแผ่ซ่านออกจากตัวท่านดุจ
สายฟ้าแลบในเวหาสฉะนั้น.
ท่านเหยียบลมหนาวในอากาศได้ เดินและยืน
ในอากาศได้ ฤทธิ์ของเทวดาทั้งหลาย ผู้ไม่ต้องเดิน
ทางไกล ท่านทำให้เป็นที่ตั้ง และให้เจริญดีแล้วเป็น
ไฉน ?
ท่านเป็นใคร มายืนอยู่ในอากาศ ร้องขายหม้อ
อยู่ หรือว่าหม้อของท่านนี้ใช้ประโยชน์อะไรได้ ดูก่อน
พราหมณ์ ขอท่านจงบอกเนื้อความนั้นแก่ข้าพเจ้าเถิด.

[2293] (ท้าวสักกเทวราชตรัสว่า) หม้อใบนี้มิใช่
หม้อเนยใส มิใช่หม้อน้ำมัน มิใช่หม้อน้ำผึ้ง โทษ
ของหม้อใบนี้ มีอยู่มิใช่น้อย ท่านจงฟังโทษเป็น
อันมากที่มีอยู่ในหม้อใบนี้.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้ว เดินโซเซตกลงไปยัง
บ่อ ถ้ำ หลุมน้ำครำ และหลุมโสโครก พึงบริโภค

ของที่ไม่ควรบริโภคแม้มากได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้
ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้ว ไม่มีกฎเกณฑ์ในใจ
เที่ยวหยำเปไป เหมือนโคกินกากสุราฉะนั้น เป็น
เหมือนขาดที่พักพิง ย่อมฟ้อนรำได้ ขับร้องได้ ท่าน
จงซื้อหม้อใบนี้ ซึงเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดนี้แล้ว แก้ผ้าเปลือยกาย เที่ยว
ไปตามตรอก ตามนั้น ในบ้านเหมือนชีเปลือย มี
จิตลุ่มหลง นอนตื่นสาย ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็ม
ไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้ว ลุกขึ้นโซเซ โคลง
ศีรษะ และยกแขนขึ้นร่ายรำ เหมือนหุ่นรูปไม้ฉะนั้น
ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้ว นอนจนถูกไฟไหม้
และกินอาหารที่เหลือเดนสุนัขได้ ย่อมถึงการถูกจอง
จำ ถูกฆ่า และถึงความเสื่อมแห่งโภคะ ท่านจงซื้อ
หม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้ว พูดคำที่ไม่ควรพูด นั่ง
พร่ำในที่ประชุม ปราศจากผ้าผ่อน เลอะเทอะ นอน
จมอยู่ในอาเจียนของตน มีแต่เรื่องฉิบหาย ท่านจงซื้อ
หม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.

บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้ว วางมาดเป็นคนสำคัญ
นัยน์ตาขุ่นขวาง เข้าใจว่าบ้านเมืองเป็นของเราคนเดียว
พระราชาแม้มีมหาสมุทร 4 เป็นขอบขัณฑสีมา ก็ไม่
เสมอเรา ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิด
นั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้ว ถือตัวจัด ก่อการทะเลาะ
วิวาท ยุยงส่อเสียด มีผิวพรรณน่าเกลียด เปลือยกาย
วิ่งไป อยู่อย่างนักเลงเก่า ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่ง
เต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
น้ำชนิดนี้ ทำตระกูลทั้งหลายในโลกนี้อันมั่งคั่ง
บริบูรณ์ มีเงินทองตั้งหลายพัน ให้ขาดทายาทได้
ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
ข้าวเปลือก ทรัพย์สินเงินทอง ไร่นา โค กระบือ
ในสกุลใดย่อมพินาศไป ตระกูลที่มั่งมีทั้งหลายขาดสูญ
ไป เพราะดื่มน้ำชนิดใด ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่ง
เต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุรุษดื่มน้ำชนิดใดแล้ว เป็นคนหยาบช้า ด่า
มารดาบิดาได้ แม้ถึงเป็นพ่อผัวก็พึงหยอกลูกสะใภ้ได้
ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
นารีดื่มน้ำชนิดใดแล้ว กลายเป็นคนกักขฬะ
หยาบช้า ด่าพ่อผัว แม่ผัว และสามีได้ แม้เป็นทาส
เป็นคนรับใช้ ก็ยอมรับเป็นสามีของตนได้ ท่านจง
ซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.

บุรุษดื่มน้ำชนิดใดแล้ว ฆ่าสมณะหรือพราหมณ์
ผู้ตั้งอยู่ในธรรมได้ พึงไปสู่อบายเพราะกรรมนั้นเป็น
เหตุ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มนำชนิดใดแล้ว ประพฤติทุจริต
ทางกาย ทางวาจา หรือทางใจได้ย่อมไปสู่นรกเพราะ
ประพฤติทุจริต ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วย
น้ำชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายแม้ยอมสละเงินเป็นอันมาก มาอ้อน-
วอนบุรุษใด ซึ่งไม่เคยดื่มสุรา ให้พูดเท็จ ย่อมไม่ได้
บุรุษนั้นครั้นดื่มสุราแล้ว ย่อมพูดเหลาะแหละเหลวไหล
ได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
คนรับใช้ ดื่มน้ำชนิดใดแล้ว เมื่อถูกเขาใช้ไป
ในกรณียกิจรีบด่วน ถูกซักถามก็ไม่รู้เนื้อความ ท่าน
จงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน่าชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มน้ำชนิดใดแล้ว ถึงจะเคยมีความ
ละอายใจอยู่บ้าง ก็ย่อมจะทำความไม่ละอายให้ปรากฏ
ได้ ถึงแม้จะเป็นคนมีปัญญา ก็อดพูดมากไม่ได้ ท่าน
จงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มน้ำชนิดใดแล้ว นอนคนเดียว
ไม่มีเพื่อน คล้ายลูกสุกรนอนเดียวดาย ด้วยขาติ
กำเนิดอันต่ำต้อยฉะนั้น อดข้าวปลาอาหาร ย่อมถึง
การนอนเป็นทุกข์อยู่กับแผ่นดิน สิ้นสง่าราศรี และ

ต้องครหานินทา ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วย
น้ำชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มน้ำชนิดใดแล้ว ย่อมนอนคอตก
หาเป็นเหมือนโคที่ถูกลงปฏักฉะนั้นไม่ ฤทธิ์สุราย่อม
ทำให้คนอดทนได้ ไม่กินข้าวกินน้ำ ท่านจงซื้อหม้อ
ใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
มนุษย์ทั้งหลาย ย่อมเว้นดื่มน้ำชนิดใดอันเปรียบ
ด้วยงูมีพิษร้าย นรชนคนใดเล่าควรจะดื่มน้ำชนิดนั้น
อันเป็นเช่นยาพิษในโลก ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็ม
ไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
โอรสทั้งหลายของท้าวอันธกเวฑะ ดื่มสุราแล้ว
พาหญิงไปบำเรออยู่ที่ฝั่งสมุทรประหารกันและกันด้วย
สาก ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุรพเทพ คืออสูรทั้งหลาย ดื่มน้ำชนิดใดแล้ว
เมามาย จนจุติจากไตรทิพย์ คือดาวดึงส์เทวโลก ยัง
สำคัญตนว่าเที่ยง เป็นไปกับด้วยอสุรมายา ดูก่อน
มหาราชเจ้า บุรุษผู้ฉลาดเช่นกับพระองค์ เมื่อทราบว่า
น้ำดื่มชนิดนี้เป็นน้ำเมา หาประโยชน์มิได้ จะดื่ม
ทำไม ?
ในหม้อนี้ ไม่มีเนยข้น หรือน้ำผึ้ง พระองค์รู้
อย่างนี้แล้ว จงขายเสีย ดูก่อนท่านสัพพมิตต์ สิ่ง
ที่อยู่ในหม้อนี้ ข้าพเจ้าบอกแก่ท่านแล้วตามความเป็น
จริง อย่างนี้แหละ.

[2294] ท่านมิใช่เป็นบิดาหรือมารดาของข้าพ-
เจ้า เป็นคนชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้มุ่งเกื้อกูล
อนุเคราะห์ ปรารถนาประโยชน์อย่างยิ่งแก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจักกระทำตามถ้อยคำของท่านในวันนี้.
ข้าพเจ้าจักให้บ้านส่วย 5 ตำบล ทาสี 100
โค 700 และรถเทียมด้วยม้าอาชาไนย 10คัน เหล่านี้
แก่ท่าน ขอท่านผู้ปรารถนาประโยชน์ จงเป็นอาจารย์
ของข้าพเจ้าเถิด.
[2295] ดูก่อนพระราชา ทาสี บ้านส่วย โค
และรถอันเทียมด้วยม้าอาชาไนย จงเป็นของพระองค์
ตามเดิมเถิด ข้าพเจ้าเป็นท้าวสักกะ จอมเทพ ของ
ชาวไตรทิพย์.
พระองค์เสวยพระกระยาหาร เนยใส และข้าว
ปายาส พึงเสวยขนมกุมมาสอันโอชารส ดูก่อนพระ-
องค์ผู้เป็นจอมประชาชน ขอพระองค์จงทรงยินดีใน
ธรรม ใคร ๆ ไม่ติเตียนด้วยอาการอย่างนี้แล้ว จง
เข้าถึงซึ่งสวรรคสถาน.

จบกุมภชาดกที่ 2

อรรถกถากุมภชาดก



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ
หญิง นักดื่มสุรา 500 คน ผู้เป็นสหายของนางวิสาขามหาอุบาสิกา ตรัส
พระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า โก ปาตุราสิ ดังนี้.
ได้ยินว่า เมื่อเขาประกาศเรื่องมหรสพสุรา ในพระนครสาวัตถี
หญิง 500 คนเหล่านั้น จัดเตรียมสุรามีรสเข้มไว้ เพื่อสามีที่ไปเล่นมหรสพ
แล้วปรึกษากันว่า เราทั้งหลายก็จะเล่นมหรสพ ดังนี้แล้ว ทุกคนจึงพากันไป
ยังสำนักของนางวิสาขากล่าวชักชวนว่า สหายรัก พวกเราไปเล่นมหรสพกันเถิด
เมื่อนางวิสาขาปฏิเสธว่า มหรสพนี้เป็นมหรสพสุรา เราจักไม่ดื่มสุราเลย
จึงพากันกล่าวว่า ท่านจงถวายทานแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด พวกเราจักเล่น
มหรสพกัน. นางวิสาขารับคำว่าดีแล้ว จึงส่งคนไปทูลเชิญพระบรมศาสดา
ถวายมหาทานแล้วถือเอาของหอมและระเบียบเป็นอันมาก ห้อมล้อมด้วยหญิง
เหล่านั้น ไปยังพระเชตวันมหาวิหาร เพื่อสดับพระธรรมกถา ในเวลาเย็น.
ก็หญิงเหล่านั้นดื่มสุราไปพลาง เดินทางร่วมไปกับนางวิสาขา ยืนดื่มสุราที่ซุ้ม
ประตู แล้วจึงได้เข้าไปยังสำนักพระศาสดาพร้อมกับนางวิสาขา. นางวิสาขา
ถวายบังคมพระศาสดา แล้วนั่งลง ณ ส่วนข้างหนึ่ง. บรรดาหญิงเหล่านั้น
บางพวกก็ฟ้อนรำ บางพวกก็คะนองมือคะนองเท้า จนทะเลาะวิวาทกัน ใน
สำนักของพระศาสดานั่นเอง พระบรมศาสดาจึงทรงเปล่งพระรัศมี ออกจาก
ขนพระโขนงโดยพระประสงค์จะให้หญิงเหล่านั้นเกิดความสังเวช หญิงเหล่านั้น
ตกใจกลัว ถูกมรณภัยคุกคาม ด้วยเหตุนั้น หญิงเหล่านั้นจึงสร่างเมา. พระ-
ศาสดาทรงอันตรธานหายไปจากบัลลังก์ที่ประทับ ทรงยืนอยู่ ณ ยอดสิเนรุ-