เมนู

อรรถกถาอโยฆรชาดก



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ
การออกมหาภิเนษกรมณ์นั่นเอง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ยเม-
กรตฺตึ ปฐมํ
ดังนี้.
แท้จริงแม้ในครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสว่า ใช่แต่ในชาตินี้
เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในชาติก่อน ตถาคตก็เคยออกมหาภิเนษกรมณ์เหมือนกัน
แล้วทรงนำอดีตนิทานมาตรัสดังนี้
เมื่อพระเจ้าพรหมทัต เสวยราชสมบัติ ณ พระนครพาราณสี พระ-
อัครมเหสีของท้าวเธอทรงพระครรภ์ ได้รับการบริหารพระครรภ์เป็นอย่างดี
จนพระครรภ์แก่แล้ว ประสูติพระราชโอรส ในระหว่างเวลาปัจจุสมัยใกล้รุ่ง
ในภพก่อนมีสตรีผู้หนึ่งร่วมสามีเดียวกันกับพระนางเทวีนั้น ตั้งความปรารถนา
ไว้ว่า ขอให้เราได้กินลูกของท่านที่คลอดแล้ว ๆ. ได้ยินว่า สตรีผู้นั้น ตนเอง
เป็นหญิงหมัน ทำความปรารถนาเช่นนั้น เพราะความโกรธสตรีที่มีบุตร
แล้วได้มาบังเกิดในกำเนิดนางยักษิณี สตรีที่มีบุตรนั้นได้มาเป็นพระอัครมเหสี
ของพระเจ้าพรหมทัต จนคลอดพระโอรสองค์นี้ คราวนั้น นางยักษิณีได้โอกาส
จึงแปลงกายมา เมื่อพระเทวีทอดพระเนตรดูอยู่นั้นแล ตรงเข้าจับทารกนั้น
แล้วหนีไป. พระนางเทวีทรงร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า นางยักษิณีจับโอรส
ของเราหนีไปแล้ว. ฝ่ายนางยักษิณี ก็กัดกินทารกทำเสียงมุรุ มุรุ เหมือนกิน
เง่าบัว แสดงท่ายกมือชี้หน้าคุกคามพระเทวี แล้วก็หลีกหนีไป พระราชาทรง
สดับพระเสาวนีย์ของพระเทวีแล้วทรงดำริว่า ไฉนนางยักษิณีจึงบังอาจการทำ
ได้แต่ทรงนิ่งเฉยเสีย. ในกาลที่พระเทวีทรงประสูติพระโอรสอีก ท้าวเธอได้ทรง