เมนู

5. ปานียชาดก



ว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ



[1542] อาตมภาพเป็นมิตรของชายคนหนึ่ง
ได้บริโภคน้ำของมิตรที่เขาไม่ได้ให้ เพราะเหตุนั้น
ภายหลังอาตมภาพรังเกียจว่า เราทำบาปนั้นไว้แล้ว
อย่าได้กระทำบาปอีกเลย เพราะเหตุนั้น อาตมภาพจึง
ออกบวช.

[1543] ความพอใจบังเกิดขึ้นแก่อาตมภาพ
เพราะเห็นภรรยาของผู้อื่น เพราะเหตุนั้น ภายหลัง
อาตมภาพรังเกียจว่า เราได้ทำบาปนั้นไว้แล้ว อย่าได้
กระทำบาปนั้นอีกเลย เพราะเหตุนั้น อาตมภาพจึง
ออกบวช.

[1544] ขอถวายพระพรมหาบพิตร โจร
ทั้งหลายจับโยมบิดาของอาตมภาพไว้ในป่า อาตมภาพ
ถูกโจรเหล่านั้นถาม รู้อยู่ได้แกล้งพูดถึงโยมบิดานั้น
เป็นอย่างอื่นไป เพราะเหตุนั้น ภายหลังอาตมภาพ
รังเกียจว่า เราได้ทำบาปนั้นไว้แล้ว อย่าได้ทำบาปนั้น
อีกเลย เพราะเหตุนั้น อาตมภาพจึงออกบวช.

[1545] เมื่อพลีกรรมชื่อโสมยาคะปรากฏขึ้น
แล้ว มนุษย์ทั้งหลายก็พากันกระทำปาณาติบาต
อาตมภาพได้ยอมอนุญาตให้แก่พวกเขา เพราะเหตุนั้น

ภายหลังอาตมภาพรังเกียจว่า เราได้ทำบาปนั้นไว้แล้ว
อย่าได้ทำบาปนั้นอีกเลย เพราะเหตุนั้น อาตมภาพจึง
ออกบวช.

[1546] ในกาลก่อน ชนทั้งหลายในหมู่บ้าน
ของอาตมภาพ สำคัญสุราและเมรัยว่าเป็นน้ำหวานจึง
ได้พากันดื่มน้ำเมา เพื่อความฉิบหายแก่ชนเป็นอันมาก
อาตมภาพยอมอนุญาตให้แก่เขา เพราะเหตุนั้น ภาย
หลังอาตมภาพรังเกียจว่า เราได้ทำบาปนั้นไว้แล้ว อย่า
ได้ทำบาปนั้นอีกเลย เพราะเหตุนั้น อาตมภาพจึง
ออกบวช.

[1547] น่าติเตียนแท้ ซึ่งกามเป็นอันมาก มี
กลิ่นเหม็น มีเสี้ยนหนามมาก เราส้องเสพอยู่ ไม่ได้
รับความสุขเช่นนั้น.

[1548] กามทั้งหลายมีความพอใจมาก สุขอื่น
ยิ่งกว่ากามไม่มี ชนเหล่าใดส้องเสพกามทั้งหลาย ชน
เหล่านั้นย่อมเข้าถึงสวรรค์.

[1549] กามทั้งหลายมีความพอใจน้อย ทุกข์
อื่นยิ่งกว่ากามไม่มี ชนเหล่าใดซ่องเสพกามทั้งหลาย
ชนเหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรก.

[1550] เหมือนดาบสที่ลับคมดีแล้วเชือด เหมือน
กระบี่ที่ขัดดีแล้วแทง เหมือนหอกที่พุ่งปักอก (เจ็บ
ปานใด ) กามทั้งหลายเป็นทุกข์ยิ่งกว่านั้น.

[1551] หลุมถ่านเพลิงลุกโพลงแล้ว ลึกกว่า
ชั่วบุรุษ ผาลที่เขาเผาร้อนอยู่ตลอดวัน (ร้อนปานใด)
กามทั้งหลายเป็นทุกข์ยิ่งกว่านั้น.

[1552] เหมือนยาพิษชนิดร้ายแรง น้ำมันที่
เดือดพล่าน ทองแดงที่กำลังละลายคว้าง (ร้อนปานใด)
กามทั้งหลายเป็นทุกข์ยิ่งกว่านั้น.

จบปานียชาดกที่ 5

อรรถกถาปานียชาดก



พระศาสดา เมื่อทรงประทับอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระ
ปรารภถึงการข่มกิเลส จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า มิตฺโต
มิตฺตสฺส
ดังนี้.
ดังจะกล่าวโดยพิสดาร สมัยหนึ่ง คฤหัสถ์ผู้เป็นสหายกันชาวกรุง
สาวัตถี ประมาณ 500 คน ฟังพระธรรมเทศนาของพระตถาคตแล้วบรรพชา
ถึงอุปสมบท พากันอยู่ภายในโกฏฐิสัณฐาคาร ถึงเวลาเที่ยงคืน ต่างก็ตรึกถึง
กามวิตก. เรื่องทั้งหมดบัณฑิตพึงให้พิสดาร โดยนัยที่กล่าวไว้แล้วในหนหลัง
นั่นแล. แปลกแต่ว่า ครั้นท่านพระอานนท์ให้ภิกษุสงฆ์ประชุมกัน โดยอาณัติ
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระศาสดาประทับนั่งเหนืออาสนะที่จัดถวาย
ทรงกระทำมิให้เป็นการเจาะจง ไม่ตรัสว่า พวกเธอพากันตรึกถึงกามวิตกแล้ว
ตรัสด้วยสามารถเป็นพระดำรัสสงเคราะห์ แก่ภิกษุทั้งปวงว่า ดูก่อนภิกษุ