เมนู

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจธรรม
เวลาจบสัจจธรรม ภิกษุผู้กระสัน ดำรงในพระอรหัต แล้วทรงประชุม
ชาดกว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าในครั้งนั้นปรินิพพาน ส่วนพญายูงได้มาเป็น
เราตถาคตแล.
จบอรรถกถามหาโมรชาดก

9. ตัจฉสูกรชาดก



ว่าด้วยหมูพร้อมใจกันสู้เสือ


[1975] ข้าพเจ้าเที่ยวแสวงหาหมู่ญาติใด ตาม
ภูเขาและราวป่าทั้งหลาย ค้นหาหมู่ญาติมากมาย หมู่
ญาตินั้นเราพบแล้ว รากไม้และผลไม้นี้ ก็มีมากมาย
อนึ่ง ภักษาหารนี้ก็มิใช่น้อย ทั้งห้วยละหานนี้ก็น่า
รื่นรมย์ คงเป็นที่อยู่สุขสบาย ข้าพเจ้าจักขออยู่กับ
ญาติทั้งมวล ในที่นี้แหละ จักเป็นผู้ขวนขวายน้อย
ไม่มีความระแวงภัย ไม่มีความเศร้าโศก ไม่มีภัยแต่
ที่ไหน ๆ.

[1976] ดูก่อนตัจฉะ เจ้าจงไปหาที่ซ่อนเร้น
แห่งอื่นเถิด ในที่นี้ศัตรูของพวกเรามีอยู่ มันมาในที่นี้
แล้ว ก็ฆ่าหมูแต่ล้วนตัวที่อ้วนพีเสีย.

[1977] ใครหนอเป็นศัตรูของพวกเราในที่นี้
ใครมากำจัดญาติทั้งหลายผู้พร้อมเพรียงกัน ซึ่งยากที่
จะกำจัดได้ เราถามท่านแล้ว ขอจงบอกความข้อนั้น
แก่เราเถิด.

[1978] ดูก่อนตัจฉะ พญาเนื้อตัวหนึ่งลาย
พาดขึ้น เป็นเนื้อมีกำลังมีเขี้ยวเป็นอาวุธ มันมาในที่นี้
แล้ว ก็ฆ่าหมูแต่ล้วนตัวที่อ้วนพีเสีย.

[1979] พวกเราไม่มีเขี้ยวหรือ กำลังกายไม่
พรั่งพร้อมหรือ พวกเราทั้งหมดพร้อมใจกันแล้ว ก็จะ
จับมันตัวเดียวเท่านั้นให้อยู่ในอำนาจได้.

[1980] ดูก่อนตัจฉะ ท่านกล่าววาจาจับอก
จับใจ เพราะหู แม้ตัวใดหนีไปเวลารบ พวกเราจัก
ฆ่ามันเสียในภายหลัง.

[1981] ดูก่อนพญาเนื้อที่เก่งกล้า วันนี้เจ้าคง
จะงดเว้น จากการฆ่าสัตว์ละซิหนอ ท่านให้อภัยใน
สัตว์ทั้งปวงเสียแล้วหรือ หรือเขี้ยวของเจ้าคงไม่มี
เจ้ามาถึงกลางฝูงสุกรแล้วจึงซบเซาอยู่ ดังคนกำพร้า
ฉะนั้น.

[1982] มิใช่ว่าเขี้ยวของข้าพเจ้าไม่มี กำลังกาย
ของข้าพเจ้าก็มีอยู่พรั่งพร้อม แต่ข้าพเจ้าเห็นสุกร
ทั้งหลายที่เป็นญาติกัน ร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงซบเซาอยู่แต่ผู้เดียวในป่า เมื่อ
ก่อน สุกรเหล่านี้ พอข้าพเจ้าลืมตาแลดูเท่านั้น ต่างก็
กลัวตายหาที่หลบซ่อนวิ่งกระเจิดกระเจิงไปตามทิศา-
นุทิศ บัดนี้ พวกมันมาประชุมพร้อมเป็นอันหนึ่งอัน
เดียวกัน ในภูมิภาค ที่พวกมันยืนอยู่นั้น ข้าพเจ้าข่ม
พวกมันได้ยากในวันนี้ พวกมันคงมีขุนพล จึงพัก
พร้อมกัน คงเป็นเสียงเดียวกัน คงร่วมมือร่วมใจกัน
เบียดเบียนข้าพเจ้า เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่
ปรารถนาสุกรเหล่านั้น.

[1983] พระอินทร์องค์เดียวเท่านั้น ยังเอาชนะ
อสูรทั้งหลายได้ เหยี่ยวตัวเดียวเท่านั้น ย่อมข่มฆ่า
นกทั้งหลายได้ เสือโคร่งตัวเดียวเหมือนกัน ไปถึง
ท่ามกลางฝูงสุกรแล้ว ก็ย่อมฆ่าสุกรตัวพี ๆ ได้ เพราะ
กำลังของมันเป็นเช่นนั้น.

[1984] จะเป็นพระอินทร์ จะเป็นเหยี่ยว แม้
จะเป็นเสือโคร่งที่เป็นใหญ่กว่าเนื้อ ก็ทำญาติผู้พร้อม-
เพรียงกันมั่นคง ซึ่งเป็นเช่นกับเสือโคร่ง ไว้ในอำนาจ
ไม่ได้ทั้งนั้นแหละ.

[1985] ฝูงนกตัวน้อย ๆ มีชื่อกุมภิลกะ เป็นนก
มีพวก เที่ยวไปเป็นหมวดหมู่ ร่าเริงบันเทิงใจ โผผิน
บินร่อนไปเป็นกลุ่ม ๆ ก็เมื่อฝูงนกเหล่านั้นบินไป
บรรดานกเหล่านั้น คงมีสักตัวหนึ่งที่แตกฝูงไป เหยี่ยว

ย่อมโฉบจับนกตัวนั้นได้ นี่เป็นคติของเสือโคร่ง
ทั้งหลายโดยแท้.

[1986] เสือโคร่งเป็นสัตว์มีเขี้ยว ถูกชฎิลผู้
หยาบช้า เห็นแก่อามิสปลุกใจให้ฮึกเหิม สำคัญว่าจะทำ
ได้เหมือนเมื่อครั้งก่อน จึงวิ่งเข้าในฝูงสุกรตัวมีเขี้ยว.

[1987] ญาติทั้งหลายมีมากด้วยกัน ย่อมยัง
ประโยชน์ให้สำเร็จ ถึงต้นไม้ทั้งหลายที่เกิดในป่า ก็
เหมือนกัน สุกรทั้งหลายพร้อมเพียงกันเข้า ฆ่าเสือ-
โคร่งเสียได้ เพราะประพฤติร่วมใจเป็นอันหนึ่งอัน
เดียวกัน.

[1988] สุกรทั้งหลายช่วยกันฆ่าพราหมณ์และ
เสือโคร่ง ทั้ง 2 ได้แล้ว ต่างร่าเริงบันเทิงใจ พากัน
บันลือศัพท์สำเนียงเสียงสนั่น.

[1989] สุกรเหล่านั้นมาประชุมพร้อมกันที่โคน
ต้นมะเดื่อ อภิเษกตัจฉสูกรด้วยคำว่า ท่านเป็นราชา
เป็นเจ้าเป็นใหญ่ของพวกเรา.

จบตัจฉสูกรชาดกที่ 9

อรรถกถาตัจฉกสุกรชาดก


พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระ
ปรารภพระเถระแก่ 2 รูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
ยเทสมานา วิจริมฺหา ดังนี้.
เล่ากันมาว่า พระเจ้ามหาโกศล ทรงประทานพระธิดาแก่พระเจ้า
พิมพิสาร
ได้ประทานกาสิกคามแก่พระธิดาเพื่อเป็นมูลค่าเครื่องสนานกาย.
ครั้นพระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระราชบิดาเสียแล้ว พระเจ้าปเสนทิก็ทรง
ชิงบ้านคืน. เมื่อพระราชาทั้ง 2 พระองค์ ทรงรบกันเพื่อชิงบ้านนั้น คราวแรก
พระเจ้าอชาตศัตรูทรงมีชัย. พระเจ้าโกศลทรงพ่ายแพ้ ตรัสถามพวกอำมาตย์ว่า
เราจะใช้อุบายอะไรเล่าหนอ ถึงจะจับอชาตศัตรูได้ พวกอำมาตย์พากันกราบ
ทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช ธรรมดาว่าภิกษุทั้งหลายย่อมเป็นผู้ฉลาดในความ
คิดอ่าน ควรที่พระองค์จะส่งคนสอดแนมไปคอยกำหนดถ้อยคำของหมู่ภิกษุดู
พระเจ้าข้า. พระราชาทรงรับรองว่าดี แล้วตรัสใช้ราชบุรุษไปด้วยพระดำรัสว่า
มานี่ เจ้าทั้งหลาย พวกเจ้าจงพากันไปสู่พระวิหารซุ่มซ่อนตัวเสีย คอยกำหนด
เอาถ้อยคำของพระคุณเจ้าทั้งหลายมาจงได้. ในพระเชตวันวิหารเล่า ก็มีพวก
ราชบุรุษบวชอยู่เป็นอันมาก. บรรดาท่านเหล่านั้นพระเถระแก่ 2 รูป อยู่ที่
บรรณศาลาท้ายพระวิหาร รูปหนึ่งนามว่า ธนุคคหติสสเถระ รูปหนึ่งชื่อว่า
มันตทัตตเถระ. ท่านทั้ง 2 หลับตลอดคืน ตื่นเมื่อย่ำรุ่ง ท่านธนุคคหติสสเถระ
ก่อไฟให้ลุก กล่าวว่า พระคุณเจ้ามันตทัตตเถระผู้เจริญขอรับ. ท่านมันตทัตตเถระ
ถามว่า อะไรกันขอรับ. กลับถามว่า คุณกำลังหลับหรือ. ตอบว่า ผมไม่หลับดอก
ต้องทำอะไรล่ะครับ. กล่าวว่า คุณขอรับ พระราชาปเสนทิโกศลองค์นี้ช่างโง่