เมนู

8. มหาโมรชาดก



ว่าด้วยพญานกยูงพ้นจากบ่วง


[1961] ดูก่อนสหาย ก็ถ้าแหละท่านจับข้าพเจ้า
เพราะเหตุแห่งทรัพย์แล้ว ท่านอย่าฆ่าข้าพเจ้าเลย จง
จับเป็นนำข้าพเจ้าไปถวายพระราชาเถิด เข้าใจว่า ท่าน
จะได้ทรัพย์ไม่ได้น้อยเลย.

[1962] เราผูกสอดลูกธนูใส่เข้าในแล่ง มิได้
หมายมั่นว่าจะฆ่าท่านในวันนี้เลย แต่เราจักตัดบ่วงที่
ผูกรัดเท้าท่าน พญายูงจงไปตามสบายเถิด.

[1963] เหตุไร ท่านจึงเพียรดักข้าพเจ้ามาถึง
7 ปี สู้อดกลั้นความหิวกระหายทั้งกลางคืนและกลาง
วัน เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านปรารถนาจะปลดปล่อย
ข้าพเจ้า ผู้ติดบ่วงเสียจากบ่วงเพื่ออะไร วันนี้ ท่าน
งดเว้นจากปาณาติบาตหรือ หรือว่าท่านให้อภัยในสัตว์
ทั้งปวง เหตุไร ท่านจึงปรารถนาจะปลดปล่อยข้าพเจ้า
ผู้ติดบ่วง ออกจากบ่วงเสียเล่า.

[1964] ดูก่อนพญายูง ขอท่านจงบอกว่า ผู้ใด
เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต และให้อภัยในสัตว์
ทั้งปวง ข้าพเจ้าขอถามความข้อนั้นกะท่าน ผู้นั้นจุติ
จากโลกนี้แล้วจะได้ความสุขอะไร.

[1965] ข้าพเจ้าขอบอกว่า ผู้ใดเป็นผู้งดเว้น
จากปาณาติบาต และให้อภัยในสัตว์ทั้งปวง ผู้นั้นย่อม
ได้รับความสรรเสริญในปัจจุบัน และเมื่อตายไปย่อม
ไปสู่สวรรค์.

[1966] สมณพราหมณ์พวกหนึ่งกล่าวว่า เทวดา
ทั้งหลายไม่ ชีพย่อมเข้าถึงความเป็นต่าง ๆ กันใน
โลกนี้ ผลของกรรมดีและกรรมชั่วก็ไม่มีเหมือนกัน
และกล่าวว่า ทานอันคนโง่บัญญัติไว้ ข้าพเจ้าเชื่อถ้อย
คำของพระอรหันต์เหล่านั้น ฉะนั้น จึงเบียดเบียนนก
ทั้งหลาย.

[1967] ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ทั้ง 2 เห็นกันได้
ง่าย ๆ ส่องสว่างไปในอากาศ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
ทั้ง 2 นั้น อยู่ในโลกนี้หรือในโลกอื่น สมณพราหมณ์
เหล่านั้น กล่าวถึงดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ในมนุษยโลก
อย่างไรหรือ.

[1968] ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ทั้ง 2 เห็นกันได้
ง่าย ๆ ส่องสว่างไปในอากาศ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
ทั้ง 2 นั้นมีอยู่ในโลกอื่น ไม่มีในโลกนี้ สมณพราหมณ์
เหล่านั้น กล่าวถึงดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ว่าเป็นเทวดา
ในมนุษยโลก.

[1969] สมณพราหมณ์เหล่าใด มีวาทะว่าหา
เหตุมิได้ ไม่กล่าวถึงกรรม ไม่กล่าวถึงผลแห่งกรรมดี

กรรมชั่ว และกล่าวถึงทานว่าคนโง่บัญญัติไว้ สมณ-
พราหมณ์เหล่านั้น เป็นผู้มีวาทะเลวทราม ถูกท่าน
กำจัดเสียแล้ว เพราะการพยากรณ์นี้แหละ.

[1970] คำของท่านนี้เป็นคำจริงแท้ทีเดียว ไฉน
ทานจะไม่พึงมีผลเล่า ผลของกรรมดีกรรมชั่วก็เหมือน
กัน ไฉนจะไม่มีผล อนึ่ง ทานนี้จะว่าคนโง่บัญญัติขึ้น
อย่างไรได้ ดูก่อนพญายูง ข้าพเจ้าจะทำอย่างไร จะทำ
อะไร ประพฤติอะไร เสพสมาคมอะไร ด้วยตบะคุณ
อะไร อย่างไรจึงจะไม่ต้องไปตกนรก ขอท่านจงบอก
เนื้อความนี้แก่ข้าพเจ้าเถิด.

[1971] มีสมณะเหล่าใดเหล่าหนึ่ง นุ่งห่มผ้า
ย้อมด้วยน้ำฝาด ประพฤติเป็นผู้ไม่มีเรือน เที่ยวไป
บิณฑบาตในเวลาเช้าในกาล เว้นจากการเที่ยวไปใน
เวลาวิกาล ผู้สงบระงับ มีอยู่ในแผ่นดินนี้แน่ ท่านจง
เข้าไปหาสมณะเหล่านั้นในเวลาอันควร ณ ที่นั้น แล้ว
จงถามข้อความตามความพอใจของท่าน สมณะ-
เหล่านั้นก็จะชี้แจงประโยชน์โลกนี้และโลกหน้าให้แก่
ท่าน ตามความรู้ความเห็น.

[1972] ความเป็นพรานนี้ เราละได้แล้ว
เหมือนงูลอกคราบเก่าของตน หรือเหมือนต้นไม้ อัน
เขียวชอุ่ม ผลัดใบเหลืองทิ้ง ฉะนั้น วันนี้เราละ
ความเป็นพรานได้.

[1973] อนึ่ง มีนกเหล่าใดที่เราขังไว้ในนิเวศน์
ประมาณหลายร้อย วันนี้เราให้ชีวิตแก่นกเหล่านั้น
ขอนกเหล่านั้นจงพ้นจากการกักขัง ไปสู่สถานที่อยู่
เดิมของตนเถิด.

[1974] นายพรานถือบ่วงเที่ยวไปในราวป่า
เพื่อดักพญานกยูงตัวเรืองยศ ครั้นดักพญานกยูงตัว
เรืองยศได้แล้ว ก็ได้พ้นจากทุกข์เหมือนเราพ้นแล้ว
ฉะนั้น.

จบมหาโมรชาดกที่ 8

อรรถกถามหาโมรชาดก


พระศาสดาเสด็จประทับ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงพระปรารภ
ภิกษุผู้กระสันรูปหนึ่ง ตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่มต้นว่า สเจ หิ ตฺยาหํ ธนเหตุ
คหิโต
ดังนี้.
เรื่องย่อมีว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า จริงหรือที่ข่าวว่า เธอ
กระสันจะสึก ครั้นเธอรับสารภาพว่า จริงพระเจ้าข้า ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ความกำหนัดด้วยความสามารถชื่นใจนี้ ไฉนจักไม่ให้บุคคลอย่างเธอวุ่นวายได้
เล่า มีอย่างหรือ ลมที่จะสามารถพลิกภูเขาสุเนรุได้ ไม่ทำให้ใบไม้เก่า ๆ ใกล้ ๆ
กระจัดกระเจิงไป ในปางก่อนนั่นนะ แม้สัตว์ผู้บริสุทธิ์คอยหักห้ามความฟุ้งซ่าน
ของกิเลสในภายในอยู่ 700 ปี ก็ยังโดนความกำหนัดด้วยสามารถความชื่นใจนี้
ทำให้วุ่นวายได้เลย ทรงนำอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้