เมนู

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย โปราณกบัณฑิตพากันทำสบถละกิเลสอย่างนี้ แล้วทรงประกาศสัจจะ
เวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสันดำรงในพระโสดาปัตติผล. เมื่อพระศาสดาจะทรง
ประชุมชาดก ได้ตรัสพระคาถาสุดท้ายอีก 3 คาถาว่า
เราตถาคต สารีบุตร โมคคัลลานะ กัสสปะ
อนุรุทธะ ปุณณะและอานนท์เป็น 7 พี่น้อง ในครั้งนั้น
อุบลวรรณาเป็นน้องสาว ขุชชุตตราเป็นทาสี จิตต-
คฤหบดีเป็นทาส สาตาคีระเป็นเทวดา ปาลิเลยยกะ
เป็นช้าง มธุระผู้ประเสริฐ เป็นวานร กาฬุทายีเป็น
ท้าวสักกะ ท่านทั้งหลายจงทรงจำชาดก ไว้ด้วยประการ
ฉะนี้แล.

จบอรรถกถาภึสกชาดก

6. สุรุจิชาดก



ว่าด้วยการขอบุตร


[1942] ดิฉันถูกเชิญมา เป็นพระอัครมเหสี
คนแรกของพระเจ้าสุรุจิตลอดเวลาหมื่นปี พระเจ้าสุรุจิ
นำดิฉันมาผู้เดียว ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ดิฉันนั้นมิได้
รู้สึกเลยว่า ได้ล่วงเกินพระเจ้าสุรุจิผู้เป็นจอมประชาชน
ชาววิเทหรัฐ ครองพระนครมิลิลา ด้วยกาย วาจา
หรือใจ ทั้งในที่แจ้งหรือในที่ลับเลย ข้าแต่พระฤาษี

ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอบุตรจงเกิดเถิด เมื่อ
ดิฉันกล่าวคำเท็จ ขอศีรษะของดิฉันจงแตก 7 เสี่ยง.

[1943] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ดิฉันเป็นที่พอใจ
ของพระภัสดา พระชนนีและพระชนกของพระภัสดา
ก็เป็นที่รักของดิฉัน พระองค์ท่านเหล่านั้นทรงแนะนำ
ดิฉัน ตลอดเวลาที่พระองค์ท่านยังทรงพระชนมชีพอยู่
ดิฉันนั้นยินดีในความไม่เบียดเบียน มีปกติประพฤติ
ธรรมโดยส่วนเดียว มุ่งบำเรอพระองค์ท่านเหล่านั้น
โดยเคารพ ไม่เกียจคร้านทั้งกลางคืนกลางวัน ข้าแต่
พระฤาษี ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอบุตรจงเกิด
เถิด เมื่อดิฉันกล่าวคำเท็จ ขอศีรษะของดิฉันจงแตก
7 เสี่ยง.

[1944] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ความริษยาหรือ
ความโกรธ ในสตรีผู้เป็นพระราชเทวีร่วมกัน 16,000
คน มิได้มีแก่ดิฉันในกาลไหน ๆ เลย ดิฉันชื่นชม
ด้วยความเกื้อกูลแก่พระราชเทวีเหล่านั้น และคนไหน
ที่จะไม่เป็นที่รักของดิฉันไม่มีเลย ดิฉันอนุเคราะห์หญิง
ผู้ร่วมพระสามีทั่วกันทุกคน ในกาลทุกเมื่อ เหมือน
อนุเคราะห์ตนฉะนี้ ข้าแต่พระฤาษี ด้วยการกล่าว
คำสัตย์จริงนี้ ขอบุตรจงเกิดเถิด เมื่อดิฉันกล่าวคำเท็จ
ขอศีรษะของดิฉันจงแตก 7 เสี่ยง.

[1945] ดิฉันเลี้ยงดูทาสกรรมกร ซึ่งจะต้อง
เลี้ยงดูและชนเหล่าอื่นผู้อาศัยเลี้ยงชีวิต โดยเหมาะสม

กับหน้าที่ ดิฉันมีอินทรีย์อันเบิกบานในกาลทุกเมื่อ
ข้าแต่พระฤาษี ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอบุตร
จงเกิดเถิด เมื่อดิฉันกล่าวคำเท็จ ขอศีรษะของดิฉัน
จงแตก 7 เสี่ยง.

[1946] ดิฉันมีฝ่ามืออันชุ่มเลี้ยงดูสมณพราหมณ์
และแม้วณิพกเหล่าอื่น ให้อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวและ
น้ำทุกเมื่อ ข้าแต่พระฤาษีด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้
ขอบุตรจงเกิดเถิด เมื่อดิฉันกล่าวคำเท็จ ขอศีรษะของ
ดิฉันจงแตก 7 เสี่ยง.

[1947] ดิฉันเข้าอยู่ประจำอุโบสถ อันประกอบ
ด้วยองค์ 8 ประการ ตลอดดิถีที่ 14,15 และดิถีที่ 8
แห่งปักษ์ และตลอดปาฏิหาริยปักษ์ ดิฉันสำรวมแล้ว
ในศีลทุกเมื่อ ข้าแต่พระฤาษี ด้วยการกล่าวคำสัตย์
จริงนี้ ขอบุตรจงเกิดเถิด เมื่อดิฉันกล่าวคำเท็จ ขอ
ศีรษะของดิฉันจงแตก 7 เสียง.

[1948] ดูก่อนพระราชบุตรีผู้เรืองยศงดงาม
คุณอันเป็นธรรมเหล่าใดในพระองค์ ที่พระองค์แสดง
แล้วคุณอันเป็นธรรมเหล่านั้นมีทุกอย่างพระราชโอรส
ผู้เป็นกษัตริย์ สมบูรณ์ด้วยพระชาติ เป็นอภิชาตบุตร
เรืองพระยศ เป็นพระธรรมราชาแห่งชนชาววิเทหะ
จงอุบัติแก่พระนาง.

[1949] ท่านผู้มีดวงตาน่ายินดี ทรงผ้าคลุกธุลี
สถิตอยู่บนเวหาอันไม่มีสิ่งใดกั้น ได้กล่าววาจาเป็นที่

พอใจจับใจของดิฉัน ท่านเป็นเทวดามาจากสวรรค์
เป็นฤาษีผู้มีฤทธิ์มาก หรือว่าเป็นใครมาถึงที่นี้ ขอ
ท่านจงกล่าวความจริงให้ดิฉันทราบด้วย.

[1950] หมู่เทวดามาประชุมกันที่สุธรรมาสภา
ย่อมกราบไหว้ท้าวสักกะองค์ใด ข้าพเจ้าเป็นท้าวสักกะ
องค์นั้น มีดวงตาพันหนึ่งมายังสำนักของท่าน หญิง
เหล่าใดในเทวโลกเป็นผู้มีปกติ ประพฤติสม่ำเสมอ
มีปัญญา มีศีล มีพ่อผัวแม่ผัวเป็นเทวดา ยำเกรงสามี
เทวดาทั้งหลายผู้มิใช่มนุษย์มาเยี่ยมหญิงเช่นนั้น ผู้มี
ปัญญา มีกรรมอันสะอาด เป็นหญิงมนุษย์ ดูก่อน
นางผู้เจริญ ท่านเกิดในราชสกุลนี้ พรั่งพร้อมไปด้วย
สิ่งที่น่าปรารถนาทุกอย่าง ด้วยสุจริตธรรมที่ท่านประ-
พฤติดีแล้ว ในปางก่อน ดูก่อนพระราชบุตรี ก็แหละ
ข้อนี้เป็นชัยชนะในโลกทั้งสองของท่าน คือ การอุบัติ
ในเทวโลกและเกียรติในชีวิตนี้ ดูก่อนพระนางสุเมธา
ขอให้พระนางจงมีสุข ยั่งยืนนาน จงรักษาธรรมไว้ใน
ตนให้ยั่งยืนเถิด ข้าพเจ้านี้ ขอลาไปสู่ไตรทิพย์ การ
พบเห็นท่าน เป็นการพบเห็นที่ดูดดื่มใจของข้าพเจ้า
ยิ่งนัก.

จบสุรุจิชาดกที่ 1

อรรถกถาสุรุจิชาดก


พระศาสดาเมื่อทรงอาศัยพระนครสาวัตถี ประทับอยู่ ณ ปุพพาราม
ปราสาทของมิคารมารดา
ทรงพระปรารภพร 8 ประการ ที่มหาอุบาสิกา
วิสาขาได้รับ ตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่มต้นว่า มเหสี รุจิโน ภริยา ดังนี้.
เรื่องพิสดารมีว่า วันหนึ่งนางวิสาขาฟังธรรมกถาในพระเชตวันวิหาร
แล้วกราบทูลนิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้ากับภิกษุสงฆ์ฉันเช้า แล้วกลับเรือน.
พอล่วงราตรีนั้นมหาเมฆอันเป็นไปในทวีปทั้งสี่ยังฝนให้ตก. พระผู้มีพระภาค-
เจ้าตรัสเรียกพวกภิกษุมา ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฝนตกในเชตวัน
อย่างใด ตกในทวีปทั้งสี่อย่างนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหาเมฆกลุ่มสุดท้าย
พึงเปียกกายเราได้ ขณะที่ฝนกำลังตก ก็เสด็จหายไปจากพระเชตวันกับพวก
ภิกษุด้วยกำลังฤทธิ์ ปรากฏที่ซุ้มประตูของนางวิสาขา. อุบาสิกายินดีร่าเริง
บันเทิงใจว่า อัศจรรย์นัก พ่อเจ้าพระคุณเอ๋ย พิศวงนัก พ่อมหาจำเริญเอ๋ย
เพราะความที่พระตถาคตทรงมีฤทธิ์มาก ทรงอานุภาพมาก ในเมื่อ
ห้วงน้ำเพียงเข่าก็มี เพียงเอวก็มีกำลังไหลไป เท้าหรือจีวรของภิกษุแม้
รูปหนึ่งที่ชื่อว่าเปียกไม่มีเลยแหละ แล้วอังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธองค์
เป็นประมุข ได้กราบทูลข้อนี้ กะพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงเสร็จภัตกิจ
แล้วว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอประทานพร 8 ประการ
กะพระผู้มีพระภาคเจ้า พระเจ้าข้า. ตรัสว่า วิสาขา พระตถาคตทั้งหลายผ่านพ้น
พรไปแล้วละ. กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พรใด ๆ ควรแก่
ข้าพระองค์ และพรใด ๆ ไม่มีโทษ ข้าพระองค์ทูลขอพรนั้น ๆ พระเจ้าข้า.
ตรัสว่า กล่าวเถิดวิสาขา. กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอ