เมนู

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อนเธอก็เคยหลอกลวงเหมือนกัน
ทรงประชุมชาดกว่า อุททาลกะในครั้งนั้น ได้มาเป็นภิกษุผู้หลอกลวง
พระราชา
ได้มาเป็นอานนท์ ส่วนปุโรหิตได้มาเป็นเราตถาคตแล.
จบอรรถกถาอุททาลกชาดก

5. ภิสชาดก



ว่าด้วยการลองใจฤาษี


[1921] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้า
บัวของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงได้ม้า วัว เงิน ทอง
และภรรยาที่น่าชอบใจ จงพร้อมพรั่งด้วยบุตรและ
ภรรยามากมายเถิด.

[1922] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้า
บัวของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงได้ทัดทรงระเบียบ
ดอกไม้ ลูบไล้กระแจะจันทน์ แคว้นกาสีจงเป็นผู้มาก
ไปด้วยบุตร จงกระทำความเพ่งเล็งอย่างแรงกล้า ใน
กามทั้งหลายเถิด.

[1923] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้า
บัวของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงเป็นคฤหัสถ์มีธัญชาติ

มากมาย สมบูรณ์ด้วยเครื่องกสิกรรม มียศ จงได้บุตร
ทั้งหลาย มั่งมีทรัพย์ ได้กามคุณทุกอย่าง จงอยู่
ครองเรือนอย่างไม่เห็นความเสื่อมเลย.

[1924] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้า
บัวของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงปราบดาภิเษกเป็น
กษัตริย์บรมราชาธิราช มีกำลัง มียศศักดิ์ จงครอบ-
ครองแผ่นดินมีมหาสมุทรทั้ง 4 เป็นขอบเขตเถิด.

[1925] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้า
บัวของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงเป็นพราหมณ์มัวประกอบ
ในทางทำนายฤกษ์ยาม อย่าได้คลายความยินดีใน
ตำแหน่ง ท่านผู้เป็นเจ้าแคว้นผู้มียศ จงบูชาผู้นั้น
ไว้เถิด.

[1926] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้า
บัวของท่านไป ขอชาวโลกทั้งมวลจงสำคัญผู้นั้นว่า
เป็นผู้เชี่ยวชาญเวทมนต์ทั้งปวง ผู้เรืองตบะ ชาวชนบท
ทั้งหลายทราบดีแล้วจงบูชาผู้นั้นเถิด.

[1927] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้า
บัวของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงครอบครองบ้านส่วยอัน
พระราชาทรงประทานให้ เป็นบ้านที่มั่งคั่ง สมบูรณ์
ด้วยเหตุ 4 ประการ ดุจท้าววาสวะพระราชทานให้
อย่าได้คลายความยินดีจนกระทั่งถึงความตายเถิด.

[1928] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้า
บัวของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงเป็นนายบ้าน บันเทิง
อยู่ด้วยการฟ้อนรำขับร้องในท่ามกลางสหาย อย่าได้
รับความพินาศอย่างใดอย่างหนึ่งจากพระราชาเลย.

[1929] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ หญิงใดลักเอา
เหง้าบัวของท่านไป ขอให้พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็น
เอกราช ทรงปราบปรามศัตรูได้ทั่วพื้นปฐพี ทรง
สถาปนาให้หญิงนั้นเป็นยอดสูตรจำนวนพัน ขอหญิง
นั้นจงเป็นมเหสีผู้ประเสริฐกว่านางสนมทั้งหลายเถิด.

[1930] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ หญิงใดลักเอา
เหง้าบัวของท่านไป ขอให้หญิงนั้นจงเป็นทาสีไม่
สะดุ้งสะเทือนกินของดี ๆ ในท่ามกลางคนทั้งปวงที่มา
ประชุมกันอยู่ จงเที่ยวโอ้อวดลาภอยู่เถิด.

[1931] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้า
บัวของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงได้เป็นเจ้าอาวาสในวัด
ใหญ่ ๆ จงเป็นผู้ประกอบนวกรรมในเมืองกชังคละ
จงกระทำหน้าต่างตลอดวันเถิด.

[1932] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ช้างเชือกใดลัก
เอาเหง้าบัวของท่านไป ขอให้ช้างเชือกนั้นจงถูกคล้อง
ด้วยบ่วงบาศตั้งร้อย จงถูกนำออกจากป่าอันน่ารื่นรมย์
มายังราชธานี จงถูกทิ่มแทงด้วยปฏักและสับด้วยขอ
เถิด.

[1933] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ลิงตัวใดลักเอา
เหง้าบัวของท่านไป ขอให้ลิงตัวนั้น มีพวงดอกไม้
สวมคอ ถูกเจาะหูด้วยดีบุก ถูกเฆี่ยนด้วยไม้เรียว เมื่อ
ฝึกหัดให้เล่นงู เข้าไปใกล้ปากงู ถูกมัดตระเวนเที่ยว
ไปตามตรอกเถิด.

[1934] ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ผู้ใดแกล้งกล่าว
ถึงของที่ไม่หายว่าหายก็ดี หรือผู้ใดสงสัยคนใดคน
หนึ่งก็ดี ขอให้ผู้นั้นจงได้บริโภคกามทั้งหลาย จงเข้า
ถึงความตายอยู่ในท่ามกลางเรือนเถิด.

[1935 ] สัตว์ทั้งหลายในโลก ย่อมพากันเที่ยว
แสวงหากามใด เป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่ารัก
น่าฟูใจของสัตว์เป็นอันมากในชีวโลกนี้ เพราะเหตุไร
ฤาษีทั้งหลายจึงไม่สรรเสริญกามนั้นเลย.

[1936] ดูก่อนท่านผู้เป็นจอมภูต เพราะกาม
นั่นแล สัตว์ทั้งหลายจึงถูกประหาร ถูกจองจำ เพราะ
กามทั้งหลาย ทุกข์และภัยจึงเกิด เพราะกามทั้งหลาย
สัตว์ทั้งหลายจึงประมาทลุ่มหลงกระทำกรรมอันเป็น
บาป สัตว์เหล่านั้นมีบาป จึงประสบบาปกรรม เมื่อ
ตายแล้วย่อมไปสู่นรก เพราะเห็นโทษในกามคุณดังนี้
ฤาษีทั้งหลาย จึงไม่สรรเสริญกาม.

[1937] ข้าแต่ท่านผู้ประพฤติพรหมจรรย์
ข้าพเจ้าจะทดลองดูว่า ฤาษีเหล่านี้ยังน้อมไปในกาม

หรือไม่ จึงถือเอาเหง้าบัวที่ฝั่งน้ำไปฝังไว้บนบก ฤาษี
ทั้งหลายเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีบาป นี้เหง้ามันของท่าน.

[1938] ดูก่อนท้าวสหัสนัยน์เทวราช ฤาษี
เหล่านั้นมิใช่นักฟ้อนของท่าน และมิใช่ผู้ที่ท่านจะพึง
ล้อเล่น ไม่ใช่พวกพ้องและสหายของท่าน เพราะ
เหตุไร ท่านจึงมาดูหมิ่นล้อเล่นกับฤาษีทั้งหลาย.

[1939] ข้าแต่ท่านผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ผู้มี
ปัญญากว้าง ท่านเป็นอาจารย์และเป็นบิดาของข้าพเจ้า
ขอเงาเท้าของท่านจงเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้าผู้พลั้งพลาด
ขอได้โปรดอดโทษครั้งหนึ่งเถิด บัณฑิตทั้งหลายย่อม
ไม่มีความโกรธเป็นกำลัง.

[1940] การที่พวกเราได้เห็นท้าววาสวะผู้เป็น
จอมภูต นับเป็นราตรีเอกของพวกเราเหล่าฤาษีซึ่งอยู่
กันด้วยดี ท่านผู้เจริญ ทุกคนจงพากันดีใจเถิด เพราะ
ท่านพราหมณ์ได้เหง้าบัวคืนแล้ว.

[1941] เราตถาคต สารีบุตร โมคคัลลานะ
กัสสปะ อนุรุทะ ปุณณะและอานนท์ เป็น 7 พี่น้อง
ในครั้งนั้น อุบลวรรณาเป็นน้องสาว ขุชชุตตราเป็น
ทาสี จิตตคฤหบดีเป็นทาส สาตาคีระเป็นเทวดา
ปาลิเลยยกะเป็นช้าง มธุระผู้ประเสริฐเป็นวานร
กาฬุทายีเป็นท้าวสักกะ ท่านทั้งหลายจงทรงจำชาดก
ไว้ด้วยประการฉะนี้แล.

จบภิสชาดกที่ 5

อรรถกถาภิงสกชาดก


พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงพระ-
ปรารภภิกษุผู้กระสัน ตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อสฺสํ ควํ รชฏํ ชาตรูปํ
ดังนี้.
ก็เรื่องปัจจุบันจักแจ่มแจ้งในกุสราชชาดก แต่ว่าในกาลครั้งนั้น
พระศาสดาตรัสถามพระภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า เธอเป็นผู้กระสัน
จริงหรือ ครั้นภิกษุนั้นรับว่า จริงพระเจ้าข้า ตรัสถามต่อไปว่า อาศัยอะไร
เมื่อทูลว่า กิเลสพระเจ้าข้า ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอบวชในศาสนาอันมีธรรม
เป็นเครื่องนำออกจากทุกข์ได้เห็นปานนี้ เหตุไรยังจะอาศัยกิเลสกระสันอยู่เล่า
บัณฑิตในครั้งก่อน เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติบวชในลัทธิเป็นพาเหียร ยัง
พากันปรารภถึงวัตถุกาม และกิเลสกามกระทำได้เป็นคำสบถอยู่ได้เลย ทรง
นำอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ในพระนคร
พาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นบุตรของพราหมณ์ผู้มหาศาล มีสมบัติ
80 โกฏิ. พวกญาติพากันขนานนามว่า มหากาญจนกุมาร. ครั้นเมื่อท่าน
เดินได้ ก็เกิดบุตรคนอื่นอีกคนหนึ่ง พวกญาติขนานนามว่า อุปกาญจนกุมาร
โดยลำดับอย่างนี้ ได้มีบุตรถึง 7 คน. แต่คนสุดท้องเป็นธิดาคนหนึ่ง พวก
ญาติขนานนามว่า กาญจนเทวี. มหากาญจนกุมารโตแล้วเรียนศิลปะทั้งปวง
มาจากเมืองตักกศิลา. ครั้งนั้นมารดาบิดาปรารถนาจะผูกพันท่านไว้ด้วยฆราวาส
พูดกันว่า เราพึงสู่ขอทาริกาจากสกุลที่มีกำเนิดเสมอกับตนให้เจ้า เจ้าจงดำรง
ฆราวาสเถิด. ท่านบอกว่า คุณพ่อคุณแม่ครับ ข้าพเจ้าไม่ต้องการครองเรือน