เมนู

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สนฺตปฺปยิ ความว่า บรรจุภาชนะที่
รับไปแล้ว ๆ เลี้ยงดูให้อิ่มหนำ.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย อันการเลี้ยงมารดาบิดาเป็นวงศ์ของบัณฑิตทั้งหลายด้วยประการฉะนี้
ทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย (เวลาจบสัจจะ ภิกษุนั้น ดำรงในโสดาปัตติผล)
แล้วทรงประชุมชาดกว่า ฝูงนกแขกเต้าในครั้งนั้น ได้มาเป็นพุทธบริษัท
มารดาบิดา
ได้มาเป็นมหาราชสกุล คนเฝ้าไร่ ได้มาเป็นฉันนะ พราหมณ์
ได้มาเป็นอานนท์ ส่วนพญานกแขกเต้าได้มาเป็นเราตถาคตแล.
จบอรรถกถาสาลิเกทารชาดก

2. จันทกินนรชาดก



ว่าด้วยนางจันทกินรี


[1883] ดูก่อนนางจันทา ชีวิตของพี่ใกล้จะขาด
อยู่แล้ว พี่กำลังเมาเลือด จันทาเอ๋ย พี่เห็นจะละชีวิตไป
แม้ในวันนี้ ลมปราณของพี่กำลังจะดับ ชีวิตของพี่
กำลังจะจม ความทุกข์กำลังเผาผลาญหัวใจพี่ พี่ลำบาก
ยิ่งนัก ความโศกของพี่ครั้งนี้ เป็นความโศกยิ่งใหญ่
กว่าความโศกเหล่าอื่น เพราะเหตุแห่งเจ้าจันทาผู้จะ
เศร้าโศกถึงพี่โดยแท้ พี่จะเหี่ยวแห้ง เหมือนต้นหญ้า
ที่ถูกทิ้งไว้บนแผ่นหินร้อน เหมือนต้นไม่มีรากอันขาด

พี่จะเหือดหายเหมือนแม่น้ำที่ขาดห้วง ความโศกของพี่
ครั้งนี้เป็นความโศกยิ่งใหญ่กว่าความโศกเหล่าอื่น
เพราะเหตุแห่งเจ้าจันทาผู้จะเศร้าโศกถึงพี่โดยแท้
น้ำตาของพี่ไหลออกเรื่อย ๆ เหมือนน้ำฝนที่ตกลงที่เชิง
บรรพต ไหลไปไม่ขาดสายฉะนั้น ความโศกของพี่
ครั้งนี้ เป็นความโศกยิ่งใหญ่กว่าความโศกเหล่าอื่น
เพราะเหตุแห่งเจ้าจันทาผู้จะเศร้าโศกถึงพี่โดยแท้.

[1884] พระราชบุตรใด ยิงสามีผู้เป็นที่
ปรารถนาของเรา เพื่อให้เป็นหม้ายที่ชายป่า พระ-
ราชบุตรนั้นเป็นคนเลวทรามแท้ สามีของเรานั้นถูกยิง
แล้วนอนอยู่ที่พื้นดิน พระราชบุตรเอ๋ย มารดาของ
ท่านจงได้รับสนองความโศกในดวงหทัยของข้าผู้เพ่ง
มองดูกินนรผู้สามีนี้ ชายาของท่านจงได้รับสนอง
ความโศกในดวงหทัยของข้าผู้เพ่งมองดูกินนรผู้สามีนี้
พระราชบุตรเอ๋ย ท่านได้ฆ่ากินนรผู้ไม่ประทุษร้าย
เพราะความรักใคร่ในเรา ขอมารดาของท่านอย่าได้
พบเห็นบุตรและสามีเลย ท่านได้ฆ่ากินนรผู้ไม่
ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่ในเรา ขอชายาของ
ท่านจงอย่าได้พบเห็นบุตรและสามีเลย.

[1885] ดูก่อนนางจันทา ผู้มีนัยน์ตาบานดัง
ดอกไม้ในป่า เธออย่าร้องไห้อย่าเศร้าโศกเลย เธอจัก
ได้เป็นอัครมเหสีของฉัน มีเหล่านารีในราชสกุลบูชา.

[1886] พระราชบุตร ถึงแม้ว่าเราจักต้องตาย
แต่เราจักไม่ขอยอมเป็นของท่าน ผู้ฆ่ากินนรสามีของ
เราผู้มิได้ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่ในเรา.

[1887] แน่ะนางกินรีผู้ขี้ขลาด มีความรักใคร่
ต่อชีวิต เจ้าจงไปสู่ป่าหิมพานต์เถิด มฤคอื่น ๆ ที่
บริโภคกฤษณาและกระลำพัก จักยังรักใคร่ยินดีต่อเจ้า.

[1888] ข้าแต่กินนร ภูเขาเหล่านั้น ซอกเขา
เหล่านั้น และถ้ำเหล่านั้นตั้งอยู่ ณ ที่นั้น ฉันไม่เห็น
ท่านในที่นั้น ๆ จะกระทำอย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อ
ฉันไม่เห็นท่านที่เทือกเขา ซึ่งเราเคยร่วมอภิรมย์กัน
จะกระทำอย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่
แผ่นผาอันลาดด้วยใบไม้เป็นที่น่ารื่นรมย์ พวกมฤคร้าย
กล้ำกลายจะทำอย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็น
ท่านที่แผ่นผาอันลาดด้วยดอกไม้ เป็นที่น่ารื่นรมย์
พวกมฤคร้ายกล้ำกลาย จะทำอย่างไร ข้าแต่กินนร
เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ลำธารอันมีน้ำใสไหลอยู่เรื่อย ๆ มี
กระแส เกลื่อนกล่นไปด้วยดอกโกสุม จะกระทำ
อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขา
หิมพานต์อันมีสีเขียว น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์มี
สีเหลืองอร่าม น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร ข้าแต่
กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันมี
สีแดง น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร ข้าแต่กินนร

เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันสูงตระหง่าน
น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉัน
ไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันมีสีขาว น่าดูน่าชม
จะกระทำอย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่
ยอดเขาหิมพานต์อันงามวิจิตร น่าดูน่าชม จะกระทำ
อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่เขาคันธ-
มาทน์อันดารดาษไปด้วยยาต่าง ๆ เป็นถิ่นที่อยู่ของหมู่
เทพเจ้า จะกระทำอย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่
เห็นท่านที่ภูเขาคันธมาทน์ อันดารดาษไปด้วยโอสถ
ทั้งหลาย จะกระทำอย่างไร.

[1889] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ผู้เป็นเจ้า ฉันขอ
ไหว้เท้าทั้งสองของท่านผู้มีความเอ็นดู มารดสามีผู้ที่
ดิฉันซึ่งเป็นกำพร้าปรารถนายิ่งนักด้วยน้ำอมฤต ดิฉัน
ได้ชื่อว่าเป็นผู้พร้อมเพรียงด้วยสามีผู้เป็นที่รักยิ่งแล้ว.

[1890] บัดนี้ เราทั้งสองจักเที่ยวไปสู่ลำธาร
อันมีกระแสสินธุ์อันเกลื่อนกล่นด้วยดอกโกสุม
ดารดาษไปด้วยบุบผชาติต่าง ๆ เราทั้งสองจะกล่าว
วาจาเป็นที่รักแก่กันและกัน.

จบจันทกินนรชาดกที่ 2

อรรถกถาจันทกินนรชาดก


พระศาสดาเมื่อทรงอาศัยกรุงกบิลพัสดุ์ ประทับอยู่ ณ นิโครธาราม
ทรงพระปรารภพระมารดาของพระราหุล ตรัสเรื่องนี้ในพระราชนิเวศน์
มีคำเริ่มต้นว่า อุปนียติทํ มญฺเญ ดังนี้.
ที่จริงชาดกนี้ควรจะกล่าวตั้งแต่ทูเรนิทาน. ก็แต่นิทานกถานี้นั้น จน
ถึงพระอุรุเวลกัสสปบันลือสีหนาทในลัฏฐิวัน กล่าวไว้ในอปัณณกชาดก. ต่อ
จากนั้นจนถึงเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ จักแจ้งในเวสสันดรชาดก.
ก็แลพระศาสดาประทับนั่งในพระนิเวศน์ของพุทธบิดา ในเวลากำลัง
เสวย ตรัสมหาธัมมปาลชาดก เสวยเสร็จทรงดำริว่า เราจักนั่งในนิเวศน์ของ
มารดาราหุล กล่าวถึงคุณของเธอ แสดงจันทกินนรชาดก ให้พระราชาทรง
ถือบาตรเสด็จไปที่ประทับแห่งพระมารดาของพระราหุล กับพระอัครสาวก
ทั้งสอง. ครั้งนั้นนางระบำ 40,000 ของพระนาง พากันอยู่พร้อมหน้า. บรรดา
นางทั้งนั้นที่เป็นขัตติยกัญญาถึง 1,090 นาง. พระนางทรงทราบว่าพระตถาคต
เสด็จมา ตรัสบอกแก่นางเหล่านั้นว่า จงพากันนุ่งผ้าย้อมน้ำฝาดทั่วกันทีเดียว.
นางเหล่านั้นพากันกระทำอย่างนั้น พระศาสดาเสด็จมาประทับนั่งเหนือพระแท่น
ทีเตรียมไว้. ครั้งนั้นพวกนางเหล่านั้นทั้งหมด ก็พากันร้องไห้ประดังขึ้นเป็น
เสียงเดียวกันอื้ออึงไป. เสียงร่ำไห้ขนาดหนักได้มีแล้ว ฝ่ายพระมารดาของ
พระราหุลเล่า ก็ทรงกันแสง ครั้นทรงบรรเทาความโศกได้ ก็ถวายบังคม
พระศาสดา ประทับนั่งด้วยความนับถือมาก เป็นไปกับความเคารพอันมีใน
พระราชา. ครั้งนั้น พระราชาทรงพระปรารภคุณกถาของพระนาง ได้ตรัสเล่า
พรรณนาคุณของพระนางด้วยประการต่าง ๆ เช่น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สะใภ้