เมนู

ปกิณณกนิบาตชาดก



1. สาลิเกทารชาดก


ว่าด้วยนกแขกเต้าเลี้ยงพ่อแม่


[1872] ข้าแต่ท่านโกสิยะ นาข้าวสาลีบริบูรณ์
ดี แต่นกแขกเต้าทั้งหลายพากันมากินเสีย ข้าพเจ้า
ขอคืนนานั้นให้แก่ท่าน เพราะข้าพเจ้าไม่อาจจะห้าม
นกแขกเต้าเหล่านั้นได้ ก็ในนกแขกเต้าเหล่านั้น มีนก
แขกเต้าตัวหนึ่งงามกว่าทุก ๆ ตัว กินข้าวสาลีตามต้อง
การแล้วยังคาบเอาไปด้วยจะงอยปากอีก.

[1873] เจ้าจงดักบ่วงพอที่จะให้นกนั้นติดได้
แล้วจงจับนกนั้นทั้งยังเป็นมาให้เราเถิด.

[1874] ฝูงนกเหล่านั้นกินและดื่มแล้ว ย่อมพา
กันบินไป เราตัวเดียวติดบ่วง เราทำบาปอะไรไว้.

[1875] ดูก่อนนกแขกเต้า ท้องของเจ้าเห็นจะ
ใหญ่กว่าท้องของนกเหล่าอื่นเป็นแน่ เจ้ากินข้าวสาลี
ตามต้องการแล้ว ยังคาบเอาไปด้วยจะงอยปากอีก
ดูก่อนนกแขกเต้า เจ้าจะบรรจุฉาง ในป่าไม้งิ้วนั้นให้
เต็มหรือ หรือว่าเจ้ากับเรามีเวรกันมา สหายเอ๋ย เรา
ถามเจ้าแล้ว ขอเจ้าจงบอกแก่เราเถิด เจ้าฝังข้าวสาลี
ไว้ที่ไหน.

[1876] ข้าพเจ้ากับท่านมิได้มีเวรกัน ฉางของ
ข้าพเจ้าก็ไม่มี ข้าพเจ้านำเอาข้าวสาลีของท่านไปถึง
ยอดงิ้วแล้ว ก็เปลื้องหนี้เก่า ให้เขากู้หนี้ใหม่และฝังขุม
ทรัพย์ไว้ที่ป่างิ้วนั้น ข้าแต่ท่านโกสิยะ ขอท่านจงทราบ
อย่างนี้เถิด.

[1877] การให้กู้หนี้ของท่านเป็นเช่นไร และ
การเปลื้องหนี้ของท่านเป็นเช่นไร ท่านจงบอกวิธีฝัง
ขุมทรัพย์ แล้วท่านจะหลุดพ้นจากบ่วงได้.

[1878] ข้าแต่ท่านโกสิยะ บุตรน้อยทั้งหลาย
ของข้าพเจ้ายังอ่อน ขนปีกยังไม่ขึ้น บุตรเหล่านั้น
ข้าพเจ้าเลี้ยงมาแล้ว เขาจักเลี้ยงข้าพเจ้าบ้าง เพราะ
เหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงชื่อว่าให้บุตรเหล่านั้น กู้หนี้ มารดา
และบิดาของข้าพเจ้าแก่เฒ่าล่วงกาลผ่านวัยไปแล้ว
ข้าพเจ้าคาบเอาข้าวสาสีไปด้วยจะงอยปาก เพื่อท่าน
เหล่านั้น ชื่อว่าเปลื้องหนี้ที่ท่านทำไว้ก่อน อนึ่ง นก
เหล่าอื่นที่ป่าไม้งิ้วนั้น มีขนปีกอันหลุดหมดแล้ว เป็น
นกทุพพลภาพ ข้าพเจ้าต้องการบุญ จึงได้ให้ข้าวสาลี
แก่นกเหล่านั้น บัณฑิตทั้งหลายกล่าวการทำบุญนั้นว่า
เป็นขุมทรัพย์ การให้กู้หนี้ของข้าพเจ้าเป็นเช่นนี้ การ
เปลื้องหนี้ของข้าพเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าพเจ้าบอกการฝัง
ขุมทรัพย์ไว้เช่นนี้ ข้าแต่ท่านโกสิยะ ขอท่านจงทราบ
อย่างนี้เถิด.

[1879] นกตัวนี้ดีจริงหนอ เป็นนกมีธรรมชั้น
เยี่ยม ในมนุษย์บางพวกยังไม่มีธรรมเช่นนี้เลย เจ้า
พร้อมด้วยญาติทั้งมวล จงกินข้าวสาลีตามความต้อง
การเถิด ดูก่อนนกแขกเต้า เราขอเห็นเจ้าแม้อีกต่อไป
การที่ได้เห็นเจ้าเป็นที่พอใจของเรา.

[1880] ข้าแต่ท่านโกสิยะ ข้าพเจ้าได้กินและ
ดื่มแล้วในที่อยู่ของท่าน ท่านเป็นที่พึ่งพำนักของพวก
เราทุกวันคืน ขอท่านจงให้ทานในท่านที่มีอาชญาอัน
วางแล้ว และจงเลี้ยงดูมารดาบิดาผู้แก่เฒ่าแล้วด้วย.

[1881] วันนี้ สง่าราศีเกิดขึ้นแก่เราแล้วหนอ
ที่เราได้เห็นท่านผู้เป็นยอดแห่งฝูงนก เพราะได้ฟัง
คำสุภาษิตของนกแขกเต้า เราจักทำบุญให้มาก.

[1882] โกสิยพราหมณ์นั้น มีใจเบิกบานร่าเริง
ผ่องใส จัดแจงข้าวและน้ำไว้แล้ว เลี้ยงดูสมณะและ
พราหมณ์ทั้งหลาย ให้อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวและน้ำ.

จบสาลิเกทารชาดกที่ 1

อรรถกถาปกิณณกนิบาตชาดก


สาลิเกทารชาดก


พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระมหาวิหารเชตวัน ทรง
ปรารภภิกษุผู้เลี้ยงโยมหญิง ตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่มต้นว่า สมฺปนฺนํ สาลิเกทารํ
ดังนี้. ต้องเรื่องจักมีแจ้งในสามชาดก1.
ก็พระศาสดาตรัสให้หาภิกษุนั้น ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ ข่าวว่าเธอ
เลี้ยงคฤหัสถ์จริงหรือ เมื่อเธอกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เป็นความจริง
พระเจ้าข้า ตรัสถามว่า คฤหัสถ์เหล่านั้นเป็นอะไรของเธอ ครั้นเธอกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เป็นโยมหญิงโยมชายของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า ตรัสว่า
ดีจริง ภิกษุ ถึงเหล่าบัณฑิตแต่ก่อน เป็นสัตว์ดิรัจฉานบังเกิดในกำเนิดสกุณา
ก็ยังให้พ่อแม่ผู้แก่แล้วนอนในรัง หาอาหารมาด้วยจะงอยปาก เลี้ยงดูได้
ทรงนำอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้ามคธราช ครองราชสมบัติในพระนคร
ราชคฤห์. ครั้งนั้น ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากพระนคร มีบ้านพวก
พราหมณ์ ชื่อว่า สาลินทิยะ. ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้านนั้น เป็น
ไร่ของชาวมคธ. ในที่นั้น พราหมณ์ โกสิยโคตรชาวสาลินทิยะ จับจองไร่ไว้
ประมาณ 1,000 กรีส หว่านข้าวสาลีไว้. ครั้นข้าวกล้างอกขึ้นแล้ว ให้คน
ทำรั้วอย่างแข็งแรง แบ่งให้บริษัทของตนนั้นแล ดูแลรักษา บางคนประมาณ
50 กรีส บางคน 60 กรีส จนครบพื้นที่ไร่ประมาณ 500 กรีส ที่เหลือ
500 กรีส กั้นรั้วให้ลูกจ้างคนหนึ่ง. ลูกจ้างปลูกกระท่อมลงตรงนั้น อยู่ประจำ
ดูพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดกแปลเล่มที่ 4 ภาคที่ 2 หน้า 155