เมนู

10. สรภชาดก



ว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา


[1854] บุรุษพึงหวังไว้ทีเดียว บัณฑิตไม่พึง
เบื่อหน่าย เราเห็นตนอยู่ว่า ปรารถนาอย่างใด ได้เป็น
อย่างนั้น.

[1855] บุรุษพึงหวังไว้ทีเดียว บัณฑิตไม่พึง
เบื่อหน่าย เราเห็นตนอยู่ว่า ได้รับความช่วยเหลือให้
ขึ้นจากน้ำสู่บกได้.

[1856] บุรุษพึงพยายามไว้ทีเดียว บัณฑิตไม่
พึงเบื่อหน่าย เราเห็นตนอยู่ว่า ปรารถนาอย่างใด
ได้เป็นอย่างนั้น.

[1857] บุรุษพึงพยายามร่ำไป บัณฑิตไม่พึง
เบื่อหน่าย เราเห็นตนอยู่ว่า ได้รับความช่วยเหลือให้
ขึ้นจากน้ำสู่บกได้.

[1858] นรชนผู้มีปัญญา แม้ตกอยู่ในกองทุกข์
ก็ไม่ควรตัดความหวังในอันจะมาสู่ความสุข เพราะว่า
ผัสสะอันไม่เกื้อกูลและเกื้อกูลมีมาก คนที่ไม่ใฝ่ฝันถึง
เลยก็ต้องเข้าถึงความตาย.

[1859] สิ่งที่ไม่ได้คิดไว้ย่อมมีได้บ้าง สิ่งที่คิด
ไว้ย่อมพินาศไปบ้าง โภคะทั้งหลายของสตรีหรือบุรุษ
จะสำเร็จได้ด้วยความคิดนึกไม่มีเสีย.

[1860] เมื่อก่อนพระองค์เสด็จติดตามละมั่ง
ตัวใดไปตกเหวที่ซอกเขา พระองค์ทรงพระชนม์สืบ
มาได้ ด้วยความบากบั่นของละมั่งตัวนั้น ตัวมีจิตไม่
ท้อแท้.

[1861] ละมั่งตัวใดพยายามเอาก้อนหินถมเหว
ช่วยพระองค์ขึ้นจากเหวลึกยากที่จะขึ้น ปลดเปลื้อง
พระองค์ ผู้เข้าถึงกองทุกข์เสียจากปากมฤตยู พระองค์
กำลังตรัสถึงละมั่งตัวนั้นซึ่งมีจิตไม่ท้อแท้.

[1862] ดูก่อนพราหมณ์ เมื่อคราวนั้น ท่าน
ได้อยู่ในที่นั้นด้วยหรือ หรือว่าใครได้บอกเรื่องนี้แก่
ท่าน ท่านเป็นผู้เปิดเผยข้อที่เคลือบคลุม เห็นเรื่อง
ได้ทั้งปวงละสิหนอ ความรู้ของท่านมีกำลัง เห็น
ปรุโปร่งหรืออย่างไร.

[1863] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน
เมื่อคราวนั้น ข้าพระองค์หาได้อยู่ในที่นั้นไม่ และ
ใครก็มิได้บอกเรื่องนั้นแก่ข้าพระองค์เลย แต่ว่านัก-
ปราชญ์ทั้งหลาย ย่อมนำเนื้อความแห่งบทคาถาที่
พระองค์ทรงภาษิตแล้วมาใคร่ครวญดู.

[1864] ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระปรีชาอัน
ประเสริฐ พระองค์ทรงสอดลูกศรอันมีปีก อันจะ
กำจัดความแกล้วกล้าของปรปักษ์ได้เข้าในแล่งแล้ว

จะทรงลังเลอะไรอยู่อีกเล่า ลูกศรที่ทรงยิงไปแล้วต้อง
ฆ่าละมั่งได้ทันที ละมั่งนี้คงเป็นพระกระยาหารของ
พระราชาได้โดยแท้.

[1865] ดูก่อนพราหมณ์ แม้เราจะรู้แจ้งชัด
ความข้อนี้ว่า เนื้อเป็นอาหารของกษัตริย์ ก็แต่ว่า
เราจะบูชาคุณ ที่ละมั่งนี้ได้ทำไว้แก่เราในครั้งก่อน
เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่ฆ่าละมั่งนี้.

[1866] ข้าแต่พระมหาราชาผู้เป็นใหญ่แห่งทิศ
นั่นมิใช่เนื้อ นั่นคือท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่กว่าอสูร
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมมนุษย์ พระองค์จงทรงฆ่า
ท้าวสักกเทวราชนั้นเสีย แล้วจะได้เป็นใหญ่ในหมู่
อมรเทพ.

[1867] ข้าแต่พระราชาผู้องอาจ ประเสริฐกว่า
นรชน ถ้าว่าพระองค์ยังทรงลังเลที่จะฆ่าละมั่งซึ่งเป็น
พระสหาย พระองค์พร้อมด้วยพระราชโอรส และ
พระราชชายา จักต้องไปยังเวตรณีนรกของพญายม.

[1868] เราชาวชนบททั้งหมด ลูกเมียและหมู่
สหาย จะพากันไปยังเวตรณีนรก ของพญายมนั้นก็
ตาม ถึงกระนั้น เราจะไม่ฆ่าผู้ที่ให้ชีวิตเราเป็นอันขาด.

[1869] ดูก่อนมหาพราหมณ์ ละมั่งตัวนี้ทำคุณ
แก่เราเมื่อคราวถึงความยาก ตัวคนเดียวในป่าเปลี่ยว

แสนร้าย เราระลึกได้อยู่ถึงบุรพกิจเช่นนั้น ที่ละมั่ง
ตัวนี้กระทำแก่เรา รู้คุณอยู่จะพึงฆ่าอย่างไรได้เล่า.

[1870] ขอพระองค์ผู้ทรงโปรดปรานมิตรยิ่งนัก
จงทรงพระชนม์ชีพอยู่ยืนนานเถิด พระองค์จงทรง
ปกครองราชสมบัติในคุณธรรมเถิด จงทรงมีหมู่นารี
บำรุงบำเรอ จงทรงบันเทิงพระหฤทัยในแว่นแคว้น
เหมือนท้าววาสวะบันเทิงอยู่ในไตรทิพย์ ฉะนั้น.

[1871] ขอพระองค์อย่าทรงพระพิโรธ จงมี
พระหฤทัยผ่องใสอยู่เป็นนิตย์ ทรงกระทำสมณ-
พราหมณ์ ผู้ตั้งอยู่ในธรรมทั้งปวงให้เป็นแขกควร
ต้อนรับ ครั้นทรงบำเพ็ญทานและเสวยบ้าง ตาม
อานุภาพแล้ว ชาวโลกไม่ติเตียนพระองค์ได้ จงเสด็จ
เข้าถึงสัคคสถานเถิด.

จบสรภชาดกที่ 10
จบเตรสนิบาต

อรรถกถาสรภชาดก


พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระ
ปรารภการพยากรณ์ปัญหา ที่พระองค์ตรัสถามโดยย่อได้อย่างพิสดารของ
พระธรรมเสนาบดี จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อาสึเสเถว
ปุริโส
ดังนี้.
ก็แลในครั้งนั้น พระศาสดาตรัสถามปัญหากะพระเถรเจ้าโดยย่อ
ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวในคราวเสด็จจากเทวโลกนั้นโดยสังเขป.
กล่าวความจำเดิมแต่ ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ถือเอาบาตรไม้-
จันทน์แดง ในสำนักของราชคหเศรษฐี ได้ด้วยฤทธิ์แล้ว พระศาสดาตรัสห้าม
การกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ แก่ภิกษุทั้งหลาย. ครั้งนั้น เหล่าเดียรถีย์คิดกันว่า
พระสมณโคดม ทรงห้ามการกระทำอิทธิปาฏิหาริย์เสียแล้ว ที่นี้แม้ตนเองก็คง
จักกระทำไม่ได้ ครั้นถูกพวกสาวกของตนซึ่งขายหน้าไปตามกันพูดว่า ข้าแต่
ท่านผู้เจริญ ท่านทั้งหลายถือเอาบาตรด้วยฤทธิ์ไม่ได้แล้วหรือ ก็พากันแถลงว่า
ผู้มีอายุทั้งหลาย นั่นมิใช่เป็นการที่พวกเราจะกระทำได้ยากเลย แต่ที่พวกเรา
ไม่ถือเอาเพราะคิดกันว่า ใครเล่าจักประกาศคุณที่ละเอียดสุขุมของตนแก่พวก
คฤหัสถ์เพื่อต้องการบาตรไม้อันเป็นประหนึ่งศพ ฝ่ายพวกสมณศากยบุตร
พากันสำแดง ถือเอาไปเพราะเป็นคนโง่ ใจโลเล พวกเธออย่าคิดเลยว่า การ
กระทำฤทธิ์เป็นเรื่องหนักของพวกเรา เพราะพวกเราน่ะพวกสาวกของสมณะ -
โคดมจงยกไว้เถิด แต่จำนงจะแสดงฤทธิ์กับพระสมณโคดม แม้นว่าพระสมณะ-
โคดมจักกระทำปฏิหาริย์อย่างหนึ่ง ฝ่ายพวกเราจักกระทำให้ได้สองเท่า. พวก
ภิกษุฟังเรื่องนั้นแล้วพากันกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ