เมนู

7. อกิตติชาดก



ว่าด้วยอกิตติดาบสขอพรท้าวสักกะ


[1806] ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูต ทรงเห็น
อกิตติดาบสผู้ยับยั้งอยู่จึงได้ตรัสถามว่าดูก่อนพราหมณ์
ท่านปรารถนาสมบัติอะไร ถึงยับยั้งอยู่ผู้เดียวในถิ่นอัน
แห้งแล้ง.

[1807] ดูก่อนท้าวสักกะ การเกิดบ่อย ๆ เป็น
ทุกข์ อนึ่ง ความแตกทำลายแห่งร่างกายและความตาย
อย่างหลงใหล ก็เป็นทุกข์ เพราะเหตุนั้น อาตมภาพ
จึงยับยั้งอยู่ ณ ที่นี้.

[1808] ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคำที่
พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคำสมควร เป็นสุภาษิต
โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.

[1809] ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้ง-
ปวง ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ
ชนทั้งหลายได้บุตร ภรรยา ทรัพย์ ข้าวเปลือกและ
สิ่งของอันเป็นที่รักทั้งหลาย แล้วยังไม่อิ่มด้วยความ
โลภใด ความโลภนั้นอย่าพึงมีในอาตมภาพเลย.

[1810] ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคำที่
พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคำสมควร เป็นสุภาษิต
โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.

[1811] ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูต
ทั้งปวง ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ
นา ที่ดิน เงิน โค ม้า ทาส กรรมกรย่อมเสื่อมสิ้น
ไปด้วยโทสะใด โทสะนั้นอย่าพึงมีในอาตมภาพเลย.

[1812] ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคำที่
พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคำสมควร เป็นสุภาษิต
โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.

[1813] ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูต
ทั้งปวง ถ้ามหาบพิตร จะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ
อาตมภาพไม่พึงเห็น ไม่พึงได้ฟังคนพาล ไม่พึงอยู่
ร่วมกับคนพาล ไม่ขอกระทำและไม่ขอชอบใจการ
เจรจาปราศรัยกับคนพาล.

[1814] ข้าแต่ท่านกัสสปะ คนพาลได้กระทำ
อะไรให้แก่ท่านหรือ ขอท่านจงบอกเหตุนั้นแก่โยม
เพราะเหตุไร ท่านจึงไม่ปรารถนาเห็นคนพาล.

[1815] คนพาลผู้มีปัญญาทรามย่อมแนะนำสิ่ง
ที่ไม่ควรจะแนะนำ ย่อมชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ
การแนะนำชั่วเป็นความดีของเขา คนพาลนั้นถึงจะ
พูดดีก็โกรธ เขามิได้รู้วินัย การไม่เห็นคนพาลนั้นเป็น
ความดี.

[1816] ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคำที่
พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคำสมควร เป็นสุภาษิต
โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.

[1817] ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูต
ทั้งปวง ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ
อาตมภาพพึงขอเห็น ขอฟังนักปราชญ์ ขออยู่ร่วมกัน
กับนักปราชญ์ ขอกระทำและขอขอบใจการเจรจา
ปราศรัยกับนักปราชญ์.

[1818] ข้าแต่ท่านกัสสปะ นักปราชญ์ได้
กระทำอะไรให้แก่ท่านหรือ ท่านจงบอกเหตุนั้นแก่โยม
เพราะเหตุไร ท่านจึงปรารถนาเห็นนักปราชญ์.

[1819] นักปราชญ์ย่อมแนะนำสิ่งที่ควรแนะนำ
ย่อมไม่ชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนำดีเป็น
ความดีของนักปราชญ์นั้น นักปราชญ์นั้น ผู้อื่นกล่าว
ชอบก็ไม่โกรธ ย่อมรู้จักวินัย การสมาคมคบหากัน
กับนักปราชญ์นั้นเป็นความดี.

[1820] ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคำที่
พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคำสมควร เป็นสุภาษิต
โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.

[1821] ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูต
ทั้งปวง ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ
เมื่อราตรีสว่างแจ้ง พระอาทิตย์อุทัยขึ้นแล้ว ขออาหาร
อันเป็นทิพย์และยาจกผู้มีศีลพึงปรากฏขึ้น เมื่ออาตม-
ภาพให้ทานอยู่ ขอให้ศรัทธาของอาตมภาพ ไม่พึง
เสื่อมสิ้นไป ครั้นให้ทานแล้วขอให้อาตมภาพไม่พึง

เดือดร้อนในภายหลัง เมื่อกำลังให้อยู่ ก็ขอให้อาตม-
ภาพพึงยังจิตให้เลื่อมใส ดูก่อนท้าวสักกะ ขอมหา-
บพิตรทรงประทานพรนี้แก่อาตมภาพเถิด.

[1822] ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคำที่
พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคำสมควร เป็นสุภาษิต
โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.

[1823] ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูต
ทั้งปวง ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ
มหาบพิตรอย่าพึงเข้ามาใกล้อาตมภาพอีกเลย ดูก่อน
ท้าวสักกะ ขอมหาบพิตรทรงประทานพรนี้แก่อาตม-
ภาพเถิด.

[1824] นรชาติหญิงชายทั้งหลาย ย่อมปรา-
รถนาจะเห็นโยม ด้วยวัตรจริยาเป็นอันมาก เพราะ
เหตุไรหนอ การเห็นโยมจึงเป็นภัยแก่ท่าน.

[1825] อาตมภาพเห็นเพศเทวดาเช่นพระองค์
ผู้สำเร็จด้วยสิ่งที่ต้องประสงค์ทุกอย่างแล้ว ก็จะพึง
ประมาท ทำความเพียรปรารถนาตำแหน่งท้าวสักกะ
การเห็นมหาบพิตรจึงเป็นภัยแก่อาตมภาพ.

จบอกิตติชาดกที่ 7

อรรถกถาอกิตติชาดก


พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภอุบาสกผู้ทานบดี ชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้
มีคำเริ่มต้นว่า อกิตฺตึ ทิสฺวาน สมฺมนฺตํ ดังนี้.
เล่ากันมาว่า อุบาสกนั้นนิมนต์พระศาสดา ถวายมหาทานแด่ภิกษุสงฆ์
มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานตลอด 7 วัน ในวันสุดท้าย ได้ถวายบริขารทั้งปวง
แก่พระอริยสงฆ์. ลำดับนั้น พระศาสดาประทับท่ามกลางบริษัทนั้นแหละ เมื่อ
ทรงกระทำอนุโมทนาตรัสว่า อุบาสก การบริจาคของเธอใหญ่หลวง กรรม
ที่ทำได้ยากยิ่งเธอกระทำแล้ว ธรรมดาว่าทานวงศ์นี้ เป็นวงศ์ของหมู่บัณฑิต
แต่ก่อนแท้จริง อันชื่อว่าทานไม่ว่าจะเป็นคฤหัสถ์ ไม่ว่าเป็นบรรพชิต ควรให้
ทั้งนั้น ก็บัณฑิตแต่เก่าก่อนบวชอยู่ในป่า และแม้จะฉันใบหมากเม่านึ่งกับวัตถุ
เพียงแต่น้ำ ไม่เค็มและไร้กลิ่น ก็ยังให้แก่ยาจกที่ประจวบเหมาะ ตนเองยัง
อัตภาพให้เป็นไปด้วยปีติสุข. อุบาสกนั้นกราบทูลอาราธนาว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ การถวายบริกขารทั้งปวงนี้ ปรากฏแก่มหาชนแล้วละ พระเจ้าข้า
ข้อนี้พระองค์ตรัสยังมิได้ปรากฏ โปรดตรัสคำนั้นแก่พวกข้าพระองค์เถิด พระเจ้า
ข้า ดังนี้แล้วจึงทรงนำอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ กรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาล มีสมบัติ 80 โกฏิ บิดามารดา
ขนานนามว่า อกิตติ. เมื่อท่านเดินได้แล้ว มารดาคลอดน้องสาวคนหนึ่ง.
บิดามารดาขนานนามว่า ยสวดี. พระมหาสัตว์ได้อายุ 16 ปี ไปเมืองตักกศิลา
เรียนศิลปะทั้งปวงแล้วกลับมา. ลำดับนั้น มารดาบิดาของท่านทำกาลกิริยาลง.