เมนู

[1788] ข้าแต่พระมหาราชา ส่วนพระองค์
ข้าพระองค์คิดรู้ด้วยใจว่า พระองค์สามารถจะ
ปลดเปลื้องข้าพระองค์จากทุกข์ได้ เพราะเหตุนั้น
ข้าพระองค์จึงกราบทูลให้พระองค์ทรงทราบ.

[1789] พระราชาผู้บำรุงรัฐกาสีให้เจริญ มี
พระหฤทัยเลื่อมใส ได้พระราชทานทองคำ 14 แท่ง
แก่พระโพธิสัตว์นั้น.

จบทูตชาดกที่ 5

อรรถกถาทูตชาดก


พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
พระปรารภการสรรเสริญปัญญาของพระองค์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้
มีคำเริ่มต้นว่า ทูเต เต พฺรหฺเม ปาเหสึ ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย สนทนากันถึงถ้อยคำปรารภพระคุณของพระศาสดาใน
โรงธรรมสภาว่า อาวุโสทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงดูความเป็นผู้ฉลาดในอุบาย
ของพระทศพลเถิด พระองค์แสดงนางอัปสรทั้งหลาย แก่นันทกุลบุตร แล้ว
ประทานพระอรหัต ทรงประทานผ้าเก่าแก่พระจุลปันถกะ แล้วประทานพระ-
อรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ทรงประทานดอกปทุมแก่นายช่างทอง แล้ว
ประทานพระอรหัต พระองค์ทรงแนะสัตว์ทั้งหลายด้วยอุบายต่าง ๆ อย่างนี้

พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนา
กันด้วยเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า
ภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้อย่างเดียวเท่านั้น ที่ตถาคตเป็นผู้ฉลาดในอุบาย
โดยรู้อุบายว่า นี้เป็นดังนี้ แม้ในกาลก่อน ตถาคตก็เป็นผู้ฉลาดในอุบายเหมือน
กัน แล้วทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยู่ในกรุง
พาราณสี
ชนบทไม่มีเงินใช้ เพราะพระเจ้าพรหมทัตทรงบีบบังคับชาวชนบท
ขนเอาทรัพย์ไปหมด. ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์
กาสิกคาม ครั้นเจริญวัยแล้ว ได้ไปเมืองตักกศิลา กล่าวกะอาจารย์ว่า
ข้าพเจ้าจักเที่ยวขอเขาโดยธรรม แล้วจักนำเอาทรัพย์มาให้อาจารย์ภายหลัง
แล้วเริ่มเรียนศิลปศาสตร์ ครั้นเรียนสำเร็จสอบไล่ได้แล้ว จึงบอกอาจารย์ว่า
ข้าแต่ท่านอาจารย์ กระผมจักไปนำทรัพย์ค่าจ้างสอนมาให้ท่าน แล้วออกเที่ยว
ไปตามชนบทแสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทองคำเจ็ดลิ่ม จึงไปด้วยคิดว่า
จักให้อาจารย์ ในระหว่างทางได้ลงสู่เรือเพื่อข้ามแม่น้ำคงคา เรือโคลงไปมาใน
แม่น้ำนั้น ทองคำของพระโพธิสัตว์ก็ตกน้ำ พระโพธิสัตว์คิดว่า เงินเป็นของ
หายาก เมื่อเราจะเที่ยวแสวงหาทรัพย์ค่าจ้างสอนตามชนบท ก็จักเนิ่นช้า
อย่ากระนั้นเลย เราควรนั่งอดอาหาร อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคานี่แหละ พระราชาจัก
ทรงทราบความที่เรานั่งอยู่โดยลำดับ ก็จักส่งพวกอำมาตย์มา เราจักไม่พูดจา
กับพวกอำมาตย์เหล่านั้น ลำดับนั้น พระราชาก็จักเสด็จมาเอง เราจักได้ทรัพย์
ค่าจ้างสอนในสำนักของพระราชาด้วยอุบายนี้ คิดดังนี้แล้ว ห่มผ้าสาฎกเฉวียงบ่า
เอายัญและสายสิญจน์วงไว้โดยรอบ นั่งอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคา ประดุจรูปปฏิมา
ทองคำบนพื้นทราย ซึ่งมีสีดังแผ่นเงินฉะนั้น.

มหาชนเห็นพระโพธิสัตว์นั่งอดอาหารอยู่ จึงถามว่า ท่านนั่งเพื่ออะไร.
พระโพธิสัตว์มิได้กล่าวแก่ใคร ๆ วันรุ่งขึ้น ผู้ที่อยู่บ้านใกล้ประตูพระนคร
ได้ฟังว่า พระโพธิสัตว์นั่งอยู่ที่นั้น จึงพากันไปถาม. พระโพธิสัตว์ก็มิได้กล่าว
แม้แก่ชนเหล่านั้น. ชนเหล่านั้นเห็นความลำบากของพระโพธิสัตว์ ก็พากัน
คร่ำครวญหลีกไป. ในวันที่ 3 ชาวพระนครพากันมา ในวันที่ 4 อิสรชนพา
กันมาจากพระนคร ในวันที่ 5 ราชบุรุษพากันมา ในวันที่ 6 พระราชา
ทรงส่งพวกอำมาตย์มา พระโพธิสัตว์ก็มิได้กล่าวแม้แก่ชนเหล่านั้น. ในวันที่
7 พระราชาทรงกลัวภัย จึงเสด็จไปยังสำนักของพระโพธิสัตว์ เมื่อจะตรัสถาม
จึงตรัสพระคาถาที่ 1 ว่า
ดูก่อนพราหมณ์ เราส่งทูตทั้งหลายมาเพื่อท่านผู้
เพ่งอยู่ ณ ฝั่งแม่น้ำคงคา ทูตเหล่านั้นถามท่าน ท่าน
ก็มิได้บอกให้แจ่มแจ้ง ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแก่ท่านนั้น
เป็นความตายของท่านมิใช่หรือ ?

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตุยฺหํ มตํ นุ เต ความว่า ดูก่อน
พราหมณ์ ความทุกข์ซึ่งเกิดแก่ท่านนั้น เป็นความตายของท่านมิใช่หรือ ท่าน
จึงไม่บอกแก่คนอื่น.
พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้น จึงทูลว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า ข้าพระองค์
จะบอกแก่ผู้ที่สามารถจะนำทุกข์ไปได้เท่านั้น ไม่บอกแก่ผู้อื่น แล้วกล่าวคาถา
7 คาถาว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงบำรุงรัฐกาสีให้เจริญ ถ้า
ความทุกข์เกิดขึ้นแก่พระองค์ ผู้ใดไม่พึงเปลื้องทุกข์
จากพระองค์ได้ พระองค์อย่าได้ตรัสบอกความทุกข์
นั้นแก่ผู้นั้น.

ผู้ใดพึงเปลื้องทุกข์ของบุคคลผู้เกิดทุกข์ ได้
ส่วนเดียวโดยธรรม พึงบอกเล่าแก่ผู้นั้นได้โดยแท้.
ข้าแต่พระราชา เสียงของสุนัขจิ้งจอกก็ดี ของ
นกก็ดี รู้ได้ง่าย เสียงของมนุษย์รู้ได้ยากยิ่งกว่านั้น.
อนึ่ง ผู้ใดเมื่อก่อนเป็นผู้ใจดี คนทั้งหลายนับถือ
ว่าเป็นญาติ เป็นมิตรหรือเป็นสหาย ภายหลังผู้นั้น
กลับกลายเป็นศัตรูไปได้ ใจของมนุษย์รู้ได้ยาก
อย่างนี้.
ผู้ใดถูกถามเนือง ๆ ถึงทุกข์ของตน ย่อมบอก
ในกาลไม่ควร ผู้นั้นย่อมมีแต่มิตรผู้แสวงหาประโยชน์
แต่ไม่ยินดีร่วมทุกข์ด้วย.
บุคคลรู้กาลอันควร และรู้จักบัณฑิตผู้มีปัญญา
มีใจร่วมกันแล้ว พึงบอกความทุกข์ทั้งหลายแก่บุคคล
ผู้เช่นนั้น นักปราชญ์พึงบอกความทุกข์ร้อนแก่บุคคล
อื่น พึงเปล่งวาจาอ่อนหวานมีประโยชน์.
อนึ่ง ถ้าบุคคลอดกลั้นความทุกข์ของตนไม่ได้
ก็พึงรู้ว่า ประเพณีของโลกนี้ จะมีเพื่อถึงความสุข
สำหรับเราผู้เดียวไม่ได้ นักปราชญ์เมื่อเพ่งเล็งหิริและ
โอตัปปะอันเป็นของจริง พึงอดกลั้นความทุกข์ร้อน
ไว้ผู้เดียวเท่านั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุปฺปชฺเช ความว่า ถ้าความทุกข์พึง
เกิดขึ้นแก่พระองค์. บทว่า มา อกฺขาหิ แปลว่า จงอย่าบอก. บทว่า

ทุพฺพิชานครํ ความว่า ถ้อยคำของมนุษย์รู้ได้ยากยิ่งกว่าถ้อยคำของสัตว์
ดิรัจฉาน เพราะเหตุนั้น คือเพราะไม่รู้โดยถ่องแท้ ไม่พึงบอกทุกข์ของตน
ซึ่งไม่สามารถจะนำไปได้. บทว่า อปิ เจ ความว่า เพราะท่านกล่าวไว้ใน
คาถาแล้ว. บทว่า อนานุปุฏฺโฐ แปลว่า ถูกถามบ่อย ๆ. บทว่า ปเวทเย
แปลว่า ย่อมกล่าว. บทว่า อกาลรูเป แปลว่า ในกาลอันไม่สมควร. บทว่า
กาลํ ความว่า ตลอดกาลที่พูดถึงความลับของตน. บทว่า ตถาวิธสฺส
ความว่า รู้จักบุรุษผู้เป็นบัณฑิต ว่าผู้ใดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับตนแล้ว
พึงบอกแก่บุคคลเช่นนั้น. บทว่า ติปฺปานิ แปลว่า ทุกข์. บทว่า สเจ
ความว่า ถ้าว่าบุคคลอดกลั้นความทุกข์ของตนไม่ได้ พึงรู้ว่าเป็นน่าที่ของตน
ในเมื่อเรี่ยวแรงแห่งชาติชายตนหรือของผู้อื่นมีอยู่. บทว่า นีติ ความว่า
ประเพณีโลกเป็นอย่างนี้ อธิบายว่า โลกธรรม 8. ท่านกล่าวคำอธิบายไว้ดังนี้
ว่า ถ้าประเพณีของโลกนี้ จะมีเพื่อถึงความสุขสำหรับเราเท่านั้นไม่ได้ ขึ้นชื่อว่า
ผู้จะพ้นไปจากโลกธรรมทั้ง 8 ประการที่เกิดขึ้นแล้วย่อมไม่มี เมื่อเป็นเช่นนี้
นักปราชญ์ผู้ปรารถนาแต่ความสุข เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยหิริและโอตตัปปะ ไม่พึง
ทำกรรมที่ชื่อว่ายกทุกข์ให้แก่ผู้อื่น และเราก็มีหิริและโอตตัปปะ เพราะเหตุนั้น
นักปราชญ์เมื่อเพ่งหิริโอตตัปปะในตนซึ่งเป็นของมีจริง ไม่พึงบอกแก่บุคคลอื่น
พึงนอนปรับทุกข์อยู่แต่ผู้เดียว.
พระมหาสัตว์ครั้นแสดงธรรมถวายพระราชาด้วยคาถา 7 คาถาอย่างนี้
แล้ว เมื่อจะแสดงความที่ตนแสวงหาทรัพย์เพื่ออาจารย์ได้กล่าวคาถา 4 คาถา
ว่า
ข้าแต่พระมหาราช ข้าพระองค์ต้องการจะหา
ทรัพย์ให้อาจารย์ จึงเที่ยวไปทั่วแว่นแคว้นนิคม และ
ราชธานีทั้งหลาย.

ขอกะคฤหบดี ราชบุรุษและพราหมณ์มหาศาล
ได้ทองคำ 7 ลิ่ม ทองคำ 7 ลิ่มของพระองค์นั้นหาย
เสียแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์จึงเศร้าโศกมาก.
ข้าแต่พระมหาราช บุรุษผู้เป็นทูตของพระองค์
เหล่านั้น ข้าพระองค์คิดรู้ด้วยใจว่า ไม่สามารถจะ
ปลดเปลื้องข้าพระองค์จากทุกข์ได้ เพราะเหตุนั้น
ข้าพระองค์จึงไม่บอกแก่บุรุษเหล่านั้น.
ข้าแต่พระมหาราช ส่วนพระองค์ ข้าพระองค์
คิดรู้ด้วยใจว่า พระองค์สามารถจะปลดเปลื้องข้าพระ-
องค์จากทุกข์ได้ เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์จึงกราบทูล
ให้พระองค์ทรงทราบ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ภิกฺขมาโน ความว่า ขออยู่กะคฤหบดี
เป็นต้นเหล่านั้น. บทว่า เต เม ความว่า เมื่อข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำคงคา
ทองของพระองค์ 7 ลิ่มหายเสียแล้ว คือตกไปในแม่น้ำคงคา. บทว่า ปุริสา เต
ความว่า ข้าแต่มหาราช บุรุษผู้เป็นทูตของพระองค์. บทว่า มนสานุวิจินฺติตา
ความว่า ข้าพระองค์รู้ว่าคนเหล่านั้น ไม่สามารถจะปลดเปลื้องข้าพระองค์ให้
พ้นจากทุกข์ได้. บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์จึงไม่
บอกทุกข์ของตนแก่เขาเหล่านั้น. บทว่า ปเวทยึ แปลว่า ได้แจ้งไว้แล้ว.
พระศาสดาเมื่อจะประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสพระคาถาสุดท้ายว่า
พระราชาผู้บำรุงรัฐกาสีใหญ่ มีพระหฤทัยเลื่อม
ใส ได้พระราชทานทองคำ 14 แท่ง แก่พระโพธิสัตว์
นั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ชาตรูปมเย ความว่า ได้ทรงพระราชทาน
ทองคำ 14 แท่งแก่พระโพธิสัตว์นั้น.
พระมหาสัตว์ถวายโอวาทแก่พระราชาแล้ว ให้ทรัพย์แก่อาจารย์บำเพ็ญ
กุศลมีทานเป็นต้น แม้พระราชากดำรงอยู่ในโอวาทของพระมหาสัตว์ ครองราช
สมบัติโดยธรรม แล้วชนทั้งสองก็ไปตามยถากรรม.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่ตถาคตเป็นผู้ฉลาดในอุบาย แม้ในกาลก่อน
ตถาคตก็เป็นผู้ฉลาดในอุบายเหมือนกัน แล้วทรงประชุมชาดกว่า พระราชา
ในครั้งนั้นได้มาเป็นพระอานนท์ อาจารย์ได้มาเป็นพระสารีบุตร ส่วน
มาณพ คือเราตถาคตนั่นแล.
จบอรรถกถาทูตชาดก

6. กาลิงคโพธิชาดก



ว่าด้วยการพยากรณ์ที่อันเป็นชัยภูมิ


[1790] พระเจ้าจักพรรดิทรงพระนามว่ากาลิง-
คะ ได้ทรงสั่งสอนมนุษย์ทั่วแผ่นดินโดยธรรม ได้เสด็จ
ไปสู่ที่ใกล้ต้นโพธิ์ ด้วยช้างทรงมีอานุภาพมาก.

[1791] การทวาชปุโรหิตชาวกาลิงครัฐ พิจาร-
ณาดูภูมิภาคแล้ว จึงประคองอัญชลี กราบทูลพระเจ้า
จักรพรรดิผู้เป็นบุตรแห่งดาบสชื่อกาลิงคะว่า

[1792] ข้าแต่พระมหาราชา ขอเชิญพระองค์
เสด็จลงเถิด ภูมิภาคนี้อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นสมณะทรง
สรรเสริญแล้ว พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้ตรัสรู้โดยยิ่ง มี
พระคุณหาประมาณมิได้ ย่อมไพโรจน์ ณ ภูมิภาคนี้.

[1793] หญ้าและเครือเถาทั้งหลายในภูมิภาค
ส่วนนี้ ม้วนเวียนโดยทักษิณาวัฏ ภูมิภาคส่วนนี้
เป็นที่ไม่หวั่นไหวแห่งแผ่นดิน (เมื่อกัลป์จะตั้งขึ้น
ย่อมตั้งขึ้นก่อนเมื่อกัลป์พินาศก็พินาศภายหลัง) ข้าแต่
พระมหาราชา ข้าพระองค์ได้สดับมาอย่างนี้.

[1794] ภูมิภาคส่วนนี้ เป็นมณฑลแห่งแผ่นดิน
อันทรงไว้ซึ่งภูตทั้งปวง มีสาครเป็นขอบเขต ขอเชิญ
พระองค์เสด็จลง แล้วทรงกระทำการนอบน้อมเถิด
พระเจ้าข้า.