เมนู

3. ชวนหังสชาดก



ว่าด้วยรักกันอยู่ไกลก็เหมือนอยู่ใกล้


[1751] ดูก่อนหงส์ เชิญเกาะที่ตั่งทองนี้เถิด
การได้เห็นท่านชื่นใจฉันจริง ท่านเป็นอิสระในสถาน
ที่นี้ ท่านมาถึงแล้ว รังเกียจสิ่งใดที่มีอยู่ในนิเวศน์นี้
จงบอกสิ่งนั้นให้ทราบเถิด.

[1752] คนบางพวก ย่อมเป็นที่รักของบุคคล
บางพวกเพราะได้ฟัง อนึ่ง ความรักของบุคคลบางพวก
ย่อมหมดสิ้นไปเพราะได้เห็น คนบางพวกย่อมเป็น
ที่รักเพราะได้เห็นและเพราะได้ฟัง ท่านรักใคร่ฉัน
เพราะได้เห็นบ้างไหม.

[1753] ท่านเป็นที่รักของฉันเพราะได้ฟัง และ
เป็นที่รักของฉันยิ่งนัก เพราะอาศัยการเห็น ดูก่อน
พญาหงส์ ท่านน่ารักน่าดูอย่างนี้ เชิญอยู่ในสำนักของ
ฉันเถิด.

[1754] ข้าพระองค์ทั้งหลายได้รับการสักการ-
บูชาแล้วเป็นนิตย์ พึงอยู่ในพระราชนิเวศน์ของพระ-
องค์ แต่บางครั้งพระองค์ทรงเมาน้ำจัณฑ์แล้ว จะพึง-
ตรัสสั่งว่า จงย่างพญาหงส์ให้ฉันที.

[1755] การดื่มน้ำเมา ซึ่งเป็นที่รักของฉัน
ยิ่งกว่าท่าน ฉันติเตียนการดื่มน้ำเมานั้น เอาเถอะ
ตลอดเวลาที่ท่านยังอยู่ในนิเวศน์ของฉัน ฉันจักไม่ดื่ม
น้ำเมาเลย.

[1756] ข้าแต่พระราชา เสียงของสุนัขจิ้งจอก
ทั้งหลายก็ดี ของนกทั้งหลายก็ดี รู้ได้ง่าย แต่เสียง
ของมนุษย์รู้ได้ยากกว่านั้น.

[1757] อนึ่ง ผู้ใดเมื่อก่อนเป็นผู้ใจดี คน
ทั้งหลายนับถือว่าเป็นญาติ เป็นมิตรหรือเป็นสหาย
ภายหลังผู้นั้นกลับกลายเป็นศัตรูไปก็ได้ ใจของมนุษย์
รู้ได้ยากอย่างนี้.

[1758] ใจจดจ่ออยู่ในบุคคลใด แม้บุคคลนั้น
จะอยู่ไกลก็เหมือนกับอยู่ใกล้ ใจเหินห่างจากบุคคลใด
แม้บุคคลนั้นจะอยู่ใกล้ก็เหมือนกับอยู่ไกล.

[1759] ถ้ามีจิตเลื่อมใสรักใคร่กัน ถึงแม้จะอยู่
คนละฝั่งสมุทร ก็เหมือนอยู่ใกล้ชิดกัน ถ้ามีจิตคิด
ประทุษร้ายกัน ถึงแม้จะอยู่ใกล้ชิดกัน ก็เหมือนกับ
อยู่กันคนละฝั่งสมุทร.

[1760] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ คนที่เป็น
ศัตรูกันถึงจะอยู่ร่วมกันก็เหมือนกับอยู่ห่างไกลกัน ข้า
แต่พระองค์ผู้เป็นมิ่งขวัญแห่งรัฐ คนที่รักกันถึงแม้จะ
อยู่ห่างไกลกัน ก็เหมือนกับอยู่ร่วมกันด้วยหัวใจ.

[1761] ด้วยการอยู่ร่วมกันนานเกินควร คนรัก
กันย่อมกลายเป็นคนไม่รักกันก็ได้ ข้าพระองค์ขอทูล
ลาพระองค์ไป ก่อนที่ข้าพระองค์จะกลายเป็นผู้ไม่เป็น
ที่รักของพระองค์.

[1762] เมื่อเราวิงวอนอยู่อย่างนี้ ถ้าท่านมิได้
รู้ถึงความนับถือของเรา ท่านก็มิได้ทำตามคำวิงวอน
ของเรา ซึ่งจะเป็นผู้ปรนนิบัติท่านเมื่อเป็นอย่างนี้ เรา
ขอวิงวอนท่านว่า ท่านพึงหมั่นมาที่นี่บ่อย ๆ นะ.

[1763] ข้าแต่พระมหาราชผู้เป็นมิ่งขวัญแห่ง
รัฐ ถ้าเรายังอยู่กันเป็นปกติอย่างนี้ อันตรายจักยัง
ไม่มีทั้งแก่พระองค์และแก่ข้าพระองค์เป็นอันแน่นอน
ว่า เราทั้งสองคงได้พบเห็นกัน ในเมื่อวันคืนผ่านไป
เป็นแน่.

จบชวนหังสชาดกที่ 3

อรรถกถาชวนหังสชาดก



พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
พระปรารภพระเทศนาทัฬหธัมมธนุคคหสูตร ตรัสพระธรรมเทศนานี้
มีคำเริ่มต้นว่า อิเธว หํส นิปต ดังนี้.
ความพิสดารว่า จำเดิมแต่วันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระสูตรนี้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือน นายขมังธนูมีธรรมมั่นคง 4 นาย ฝึกฝนดี
แล้วมีมือได้ฝึกปรือแล้ว ยิงแม่นยำ ยืน 4 ทิศ ลำดับนั้น บุรุษคนหนึ่งมา
เราจักจับลูกศรของนายขมังธนูผู้มีธรรมมั่นคง 4 นาย เหล่านี้ ที่ฝึกฝนดีแล้ว
มีมือได้ฝึกปรือแล้วยิงแม่นยำ ยิงไปทั้ง 4 ทิศไม่ทันตกถึงดินเลย แล้วนำมา
ให้ได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร บุรุษผู้วิ่ง
ไปด้วยความเร็ว ต้องประกอบด้วยความเร็วอย่างยอดเยี่ยม เมื่อภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลรับว่า อย่างนั้นพระเจ้าข้า จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเร็ว
ของบุรุษจะเป็นปานใด ความเร็วของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ยังเร็วกว่านั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเร็วของบุรุษนั้นจะเร็วปานใดเล่า อนึ่งเล่า ฝูงเทวดา
ย่อมเหาะไปข้างหน้าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ความเร็วของหมู่เทวดานั้น เร็ว
ยิ่งกว่าความเร็วของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเร็วของ
บุรุษนั้น ความเร็วของหมู่เทวดาเหล่านั้นปานใด อายุสังขารย่อมสิ้นไปเร็วกว่า
นั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกในข้อนั้น
อย่างนี้ว่า พวกเราต้องละความกระหายด้วยอำนาจความกำหนัดในกามทั้งหลาย
ที่บังเกิดแล้วเสียให้ได้ อนึ่ง จิตของพวกเราต้องไม่ตั้งยึดความกระหายด้วย
อำนาจความกำหนัดในกามทั้งหลายไว้เลย พวกเราต้องเป็นผู้ไม่ประมาท
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอต้องสำเหนียกอย่างนี้ทีเดียว ดังนี้ ในวันที่ 2