เมนู

3. ธรรมเทวปุตตชาดก



ว่าด้วยเรื่องธรรมชนะอธรรม



[1515] ดูก่อนอธรรมเทพบุตร ฉันเป็นผู้สร้าง
ยศ สร้างบุญ สรณะและพราหมณ์สรรเสริญทุกเมื่อ
อธรรมเอ๋ย ฉันชื่อว่าเป็นฝ่ายธรรม อันเทวดาและมนุษย์
บูชาแล้ว คู่ควรแก่หนทาง ท่านจงให้หนทางแก่ฉันเถิด.

[1516] ดูก่อนธรรมเทพบุตร เราชื่อว่าอธรรม
ขึ้นสู่ยานแห่งอธรรมอันมั่นคง ไม่เคยกลัวใคร มีกำลัง
เข้มแข็ง ธรรมเอ๋ย เราจะพึงให้ทางที่ไม่เคยให้ใคร
แก่ท่านในวันนี้ เพราะเหตุอะไรเล่า.

[1517] ธรรมแลปรากฏก่อน ภายหลังอธรรม
จึงเกิดขึ้นในโลก เราเป็นผู้เจริญกว่า ประเสริฐกว่า
ทั้งเก่ากว่า ขอจงให้ทางแก่เราเถิด น้องเอ๋ย.

[1518] เราจะไม่ให้หนทางแก่ท่าน เพราะการ
ขอร้องหรือเพราะความเป็นผู้สมควร ในวันนี้เรา
ทั้งสองจงมารบกัน แล้วหนทางเป็นของผู้ชนะใน
การรบ.

[1519] เราผู้ชื่อว่าธรรม เป็นผู้ลือชาปรากฏไป
ทั่วทุกทิศ มีกำลังมาก มียศประมาณไม่ได้ ไม่มีผู้เสมอ
เหมือน ประกอบด้วยคุณทั้งปวง อธรรมเอ๋ย ท่านจัก
ชนะได้อย่างไร.

[1520] เขาเอาฆ้อนเหล็กตีทองอย่างเดียว หา
ได้เอาทองตีเหล็กไม่ ถ้าหากว่าเราผู้ชื่อว่าอธรรม ฆ่า
ท่านผู้ชื่อว่าธรรมในวันนี้ได้ เหล็กจะน่าดู น่าชม
เหมือนทองคำ ฉะนั้น.

[1521] ดูก่อนอธรรมเทพบุตร ถ้าหากว่าท่าน
เป็นผู้มีกำลังในการรบไซร้ ผู้หลักผู้ใหญ่และครูของ
ท่านมิได้มี เราจะย่อมให้หนทางอันเป็นที่รักด้วยอาการ
อันไม่เป็นที่รักของท่าน ทั้งจะขออดทนถ้อยคำชั่ว ๆ
ของท่าน.

[1522] อธรรมเทพบุตรได้ฟังคำนี้แล้ว ก็เป็น
ผู้มีศีรษะลงเบื้องต่ำ มีเท้าขึ้นเบื้องสูง ตกลงจากรถ
รำพันเพ้อว่าเราปรารถนาจะรบก็ไม่ได้รบ อธรรมเทพ
บุตรถูกตัดรอนเสียแล้ว ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้.

[1523] ธรรมเทพบุตรผู้มีขันติเป็นกำลัง มีจิต
เที่ยงตรง มีกำลังมาก มีความบากบั่นอย่างแท้จริง
ชำนะกำลังรบ ได้ฆ่าอธรรมเทพบุตรฝั่งเสียในแผ่นดิน
แล้ว ขึ้นสู่รถของตนไปโดยหนทางนั่นเทียว.

[1524] มารดาบิดาและสมณพราหมณ์ ไม่ได้
รับความนับถือในเรือนของชนเหล่าใด ชนเหล่านั้น
ครั้นทอดทิ้งร่างกายไว้ในโลกนี้ ตายไปแล้วย่อมต้อง
พากันไปสู่นรก เหมือนอธรรมเทพบุตรผู้มีศีรษะลงใน
เบื้องต่ำตกไปแล้ว ฉะนั้น.

[1525] มารดา บิดา และสมณพราหมณ์ ได้รับ
ความนับถือเป็นอย่างดีในเรือนของชนเหล่าใด ชน
เหล่านั้น ครั้นทอดทิ้งร่างกายไว้ในโลกนี้ตายไปแล้ว
ย่อมพากันไปสุคติ เหมือนธรรมเทพบุตรขึ้นสู่รถของ
ตนไปสู่เทวโลก ฉะนั้น.

จบธรรมเทวปุตตชาดกที่ 3

อรรถกถาธรรมเทวปุตตชาดก



พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระ
ปรารภถึงการที่แผ่นดินสูบพระเทวทัต จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ
เริ่มต้นว่า ยโสกโร ปุญฺญกโรหมสฺมิ ดังนี้.
ความย่อว่า ในครั้งนั้นพวกภิกษุสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า อาวุโส
ทั้งหลาย พระเทวทัตกลับเกรี้ยวกราดกับพระตถาคตเจ้า เลยถูกแผ่นดินสูบ
เสียแล้ว. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่ง
สนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบ จึง
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่พระเทวทัตให้การ
ประหารในชินจักรของเรา ถูกแผ่นดินสูบ แม้ในกาลก่อน เธอก็เคยให้ประหาร
ในธรรมจักร ถูกแผ่นดินสูบบ่ายหน้าไปสู่อเวจีมหานรก ดังนี้แล้ว จึงได้นำ
อดีตนิทานมาแสดงดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นเทพบุตรนามว่า ธรรม ในกามาวจรเทวโลก. ส่วน
พระเทวทัตเป็นเทพบุตร ชื่อว่า อธรรม. ในเทวบุตรที่ 2 องค์นั้น ธรรม
เทพบุตรประดับด้วยเครื่องอลังการอันเป็นทิพย์ ทรงรถทิพย์อันประเสริฐ
สนทนากันอย่างสบาย ที่ประตูเรือนของตน ๆ ก็สถิตอยู่ในอากาศ ณ คาม
นิคม ชนบทและราชธานี ในวันเพ็ญอันเป็นวันอุโบสถ ชวนหมู่ชนให้ถือมั่น
ซึ่งกุศลกรรมบถ 10 ประการว่า ท่านทั้งหลายจงงดเว้นจากอกุศลกรรมบถ
10 ประการ มีปาณาติบาตเป็นต้น พากันบำเพ็ญธรรม คือการบำรุงมารดา