เมนู

เตรสนิบาตชาดก



1. อัมพชาดก


ว่าด้วยมนต์เสื่อมเพราะลบหลู่ครูอาจารย์


[1725] ดูก่อนท่านผู้ประพฤติพรหมจรรย์ แต่
ก่อนท่านได้นำเอาผลมะม่วงทั้งเล็กทั้งใหญ่มาให้เรา
ดูก่อนพราหมณ์ บัดนี้ ผลไม้ทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏ
ด้วยมนต์เหล่านั้นของท่านเลย.

[1726] ข้าพระบาทกำลังคำนวณคลองแห่ง
นักขัตฤกษ์ จนเห็นขณะและครู่ด้วยมนต์ก่อน ครั้น
ได้ฤกษ์และยามดีแล้ว จักนำผลมะม่วงเป็นอันมากมา
ถวายพระองค์เป็นแน่.

[1727] แต่ก่อน ท่านไม่ได้พูดถึงคลองแห่ง
นักขัตฤกษ์ ไม่ได้เอ่ยถึงขณะและครู่ ทันใดนั้น ท่าน
ก็นำเอาผลมะม่วงเป็นอันมากอันประกอบด้วยสีกลิ่น
และรสมาให้เราได้.

[1728] ดูก่อนพราหมณ์ แม้เมื่อก่อน ผลไม้
ทั้งหลายย่อมปรากฏด้วยการร่ายมนต์ของท่าน วันนี้
แม้ท่านจะร่ายมนต์ก็ไม่อาจให้สำเร็จได้ วันนี้สภาพ
ของท่านเป็นอย่างไร.

[1729] บุตรแห่งคนจัณฑาล ได้บอกมนต์ให้
แก่ข้าพระบาทโดยธรรม และได้สั่งกำชับข้าพระบาท
ว่า ถ้ามีใครมาถามถึงชื่อและโคตรของเราแล้ว เจ้าอย่า
ปกปิด มนต์ทั้งหลายก็จะไม่ละเจ้า.

[1730] ข้าพระบาทนั้น ครั้นพระองค์ผู้เป็น
จอมแห่งประชาชนถามถึงอาจารย์ อันความลบหลู่
ครอบงำแล้ว ได้กราบทูลเท็จว่า มนต์เหล่านี้เป็นของ
พราหมณ์ ข้าพระบาทจึงเป็นผู้เสื่อมมนต์ เป็นเหมือน
คนกำพร้าร้องไห้อยู่.

[1731] บุรุษต้องการน้ำหวาน จะพึงได้น้ำ-
หวานจากต้นไม้ใด จะเป็นต้นละหุ่งก็ตาม ต้นสะเดา
ก็ตาม ต้นทองหลางก็ตาม ต้นไม้นั้นแล เป็นต้นไม้
สูงสุดของบุรุษนั้น.

[1732] บุรุษพึงรู้แจ้งธรรมจากผู้ใด เป็น
กษัตริย์ก็ตาม เป็นพราหมณ์ก็ตาม เป็นแพศย์ก็ตาม
เป็นศูทรก็ตาม เป็นคนจัณฑาลก็ตาม คนเทหยักเยื่อ
ก็ตาม ผู้นั้นก็จัดเป็นคนสูงสุดของบุรุษนั้น.

[1733] ท่านทั้งหลายจงลงอาชญาและเฆี่ยนตี
มาณพผู้นี้ แล้วจับมาณพลามกผู้นี้ไสคอออกไปเสีย
มาณพใด ได้ประโยชน์อย่างสูงสุดด้วยความยากเข็ญ
ท่านทั้งหลายจงยังมาณพนั้นให้พินาศเพราะความเย่อ-
หยิ่งจองหอง.

[1734] บุคคลผู้สำคัญว่าที่เสมอ พึงตกบ่อ ถ้ำ
เหว หรือหลุมที่มีรากไม้ผุ ฉันใด อนึ่ง บุคคลตาบอด
เมื่อสำคัญว่า เชือก พึงเหยียบงูเห่า พึงเหยียบไฟ ฉัน
ใด ข้าแต่ท่านผู้มีปัญญา ท่านทราบว่าข้าพเจ้าพลาดไป
แล้วก็ฉันนั้น ขอจงให้มนต์แก่ข้าพเจ้าผู้มีมนต์อันเสื่อม
แล้วอีกสักครั้งหนึ่งเถิด.

[1735] เราได้ให้มนต์แก่ท่านโดยธรรม ฝ่าย
ท่านก็ได้เรียนมนต์โดยธรรม หากว่าท่านมีใจดีรักษา
ปกติไว้ มนต์ก็จะไม่พึงละทิ้งท่านผู้ตั้งอยู่ในธรรม.

[1736] ดูก่อนคนพาล มนต์อันใดที่จะพึงได้
ในมนุษยโลก มนต์อันนั้นท่านก็จะได้ในวันนี้โดยลำ-
บาก ท่านผู้ไม่มีปัญญากล่าวคำเท็จ ทำมนต์อันมีค่า
เสมอด้วยชีวิต ที่ได้โดยยากให้เสื่อมเสียแล้ว.

[1737] เราจะไม่ให้มนต์เช่นนั้นแก่เจ้าผู้เป็น
พาล หลงงมงาย อกตัญญู พูดเท็จ ไม่มีความสำรวม
มนต์ที่ไหน ไปเสียเถิด เราไม่พอใจ.

จบอัมพชาดกที่ 1

อรรถกถาเตรสนิบาต



1. อัมพชาดก


พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
พระปรารภพระเทวทัต ได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อาหาสิ
เม อมฺพผลานิ ปุพฺเพ
ดังนี้.
ความพิสดารว่า พระเทวทัตบอกคืนอาจารย์ว่า เราจักเป็นพระพุทธเจ้า
พระสมณโคดมมิใช่อาจารย์ มิใช่พระอุปัชฌาย์ของเราเลย เสื่อมจากฌาน ทำลาย
สงฆ์ กำลังมาสู่กรุงสาวัตถีโดยลำดับ เมื่อแผ่นดินให้ช่องเข้าไปอเวจีมหานรก
ภายนอกพระวิหารพระเชตวัน. ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรม
สภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย พระเทวทัตบอกคืนอาจารย์เสียถึงความพินาศใหญ่
บังเกิดในอเวจีมหานรก. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้
ทรงทราบแล้วจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ใน
กาลก่อนพระเทวทัตก็บอกคืนอาจารย์เสีย ถึงความพินาศใหญ่แล้วเหมือนกัน
ดังนี้แล้วจึงทรงนำอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล ครั้งเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ กรุง
พาราณสี
ตระกูลแห่งปุโรหิต ของพระเจ้าพรหมทัตพระองค์นั้น พินาศไป