เมนู

6. มหากัณหชาดก



ว่าด้วยคราวที่สุนัขดำกินคน



[1661] ดูก่อนท่านผู้มีความเพียร สุนัขตัวนี้
ดำจริง ดุร้าย มีเขี้ยวขาว มีความร้อนพุ่งออกจากเขี้ยว
ท่านผูกไว้ด้วยเชือกถึง 5 เส้น สุนัขของท่านจะทำ
อะไร.

[1662] ดูก่อนพระเจ้าอุสินนระ สุนัขนี้มิได้มา
เพื่อต้องการกินเนื้อ แต่มาเพื่อจะกินมนุษย์ทั้งหลาย
เมื่อใด จักมีมนุษย์ทำความพินาศให้แก่มนุษย์ทั้งหลาย
เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้ก็จะหลุดไปกินมนุษย์.

[1663] เมื่อใด คนทั้งหลายผู้ปฏิญาณตนว่าเป็น
สมณะมีบาตรในมือ ศีรษะโล้น คลุมผ้าสังฆาฏิจักทำ
ไร่ไถนาเลี้ยงชีพ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้ก็จะหลุดไป
กินคนเหล่านั้น.

[1664] เมื่อใด จักมีหญิงผู้ปฏิญาณตนว่ามีตบะ
บวชมีศีรษะโล้น คลุมผ้าสังฆาฏิเที่ยวบริโภคกามคุณ
อยู่ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินหญิงเหล่านั้น.

[1665] เมื่อใด ชฎิลทั้งหลายมีหนวดอันยาว
มีฟันเขลอะ มีศีรษะเกลือกกลั้วด้วยธุลีเที่ยวภิกษาจาร
รวบรวมทรัพย์ไว้ให้เขากู้ ชื่นชมยินดีด้วยดอกเบี้ย

เลี้ยงชีพ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินชฎิล
เหล่านั้น.

[1666] เมื่อใด พราหมณ์ทั้งหลายเรียนเวทคือ
สาวิตติศาสตร์ ยัญญวิธีและยัญญสูตรแล้วรับจ้างบูชา-
ยัญ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินพราหมณ์
เหล่านั้น.

[1667] เมื่อใด ผู้มีกำลังสามารถจะเลี้ยงดู
มารดาบิดาได้ แต่ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดาผู้แก่เฒ่าชรา
เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.

[1668] อนึ่ง เมื่อใด ชนทั้งหลายจักกล่าว
ดูหมิ่นมารดาบิดาผู้แก่เฒ่าชราว่า เป็นคนโง่เง่า เมื่อนั้น
สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.

[1669] อนึ่ง เมื่อใด คนในโลกจักคบหาภรรยา
ของอาจารย์ ภรรยาเพื่อน ป้าและน้าเป็นภรรยา
เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.

[1670] เมื่อใด พวกพราหมณ์จักถือโล่และ
ดาบ คอยดักอยู่ที่ทางฆ่าคนชิงเอาทรัพย์ เมื่อนั้น
สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินพราหมณ์เหล่านั้น.

[1671] เมื่อใด นักเลงหญิงทั้งหลาย ขัดสี
ผิวกายบำรุงร่างกายให้อ้วนพี ไม่รู้จักหาทรัพย์ ร่วม
สังวาสกับหญิงหม้ายที่มีทรัพย์ ครั้นใช้สอยทรัพย์ของ

หญิงหม้ายนั้นหมดแล้ว ก็ทำลายมิตรภาพไปหาหญิง
อื่นต่อไป เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินนักเลง
หญิงเหล่านั้น.

[1672] เมื่อใด คนผู้มีมารยา ปกปิดโทษตน
เปิดเผยโทษผู้อื่น คิดให้ทุกข์ผู้อื่น มีอยู่ในโลก เมื่อนั้น
สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.

จบมหากัณหชาดกที่ 6

อรรถกถามหากัณหชาดก


พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
พระปรารภความประพฤติประโยชน์แก่สัตวโลก จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำ
เริ่มต้นว่า กณฺโห กณฺโห จ โฆโร จ ดังนี้.
ความพิสดารมีว่า วันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งในธรรมสภาพรรณนาถึง
พระคุณของพระทศพล ที่ทรงประพฤติเป็นประโยชน์แก่สัตวโลกว่า ดูก่อน
อาวุโสทั้งหลาย พระศาสดาทรงปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นจำนวน
มาก ทรงละความผาสุกส่วนพระองค์เสีย ทรงประพฤติประโยชน์แก่สัตวโลก
โดยส่วนเดียว จำเดิมแต่บรรลุพระปรมาภิสัมโพธิญาณแล้ว ทรงถือบาตรจีวร
ด้วยพระองค์เอง เสด็จพุทธดำเนินทางสิบแปดโยชน์ ทรงแสดงธรรมจักรแก่
พระเถระปัญจวัคคีย์ ในดิถีที่ 5 แห่งปักษ์ ตรัสอนัตตลักขณสูตร ประทาน
พระอรหัตแก่พระเถระปัญจวัคคีย์ทั้งหมด แล้วเสด็จไปอุรุเวลาประเทศ ทรง