เมนู

ขอท่านผู้มีหมู่ญาติแวดล้อม ได้รับสักการะ ได้รับเคารพ ดำรงชีพเป็นสุข ๆ
เถิด.
เทวราชแสดงธรรมถวายพระราชา แล้วได้กลับไป พระราชาดำรง
พระองค์ในโอวาทของท่าน ทรงกระทำบุญมีถวายทานเป็นต้น ทรงทำทาง
สวรรค์เต็มที่.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มา ตรัสย้ำว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
แม้ในกาลก่อน ตถาคตก็ได้ประพฤติญาตัตถจริยาแล้วดุจกันอย่างนี้ ทรง
ประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็นอานนท์ ฝูงเทวดาผู้เกิด ณ
ไม้รังหนุ่ม ๆ ได้มาเป็นพุทธบริษัท ส่วนภัททสาลเทวราช ได้มาเป็นเราผู้
ตถาคต
แล.
จบอรรถกถาภัททชาดก

3. สมุททวาณิชชาดก


ว่าด้วยพ่อค้าทางสมุทร


[1625] ชนทั้งหลายพากันไถ พากันหว่าน
เป็นมนุษย์ผู้ต้องเลี้ยงชีพด้วยผลการงาน ไม่ถึงส่วน
หนึ่งแห่งเกาะอันนี้ เกาะของเรานี้แหละดีกว่าชมพูทวีป.

[1626] ในวันพระจันทร์เพ็ญ ทะเลจักมีคลื่น
จัด จะท่วมเกาะใหญ่นี้ให้จมลง คลื่นทะเลอย่าฆ่าท่าน
ทั้งหลายเสียเลย ท่านทั้งหลายจงพากันไปหาที่พึ่งอาศัย
ที่อื่นเถิด.

[1627] คลื่นทะเลจะไม่เกิดท่วมเกาะใหญ่นี้
เหตุอันนั้นเราเห็นแล้ว ด้วยนิมิตเป็นอันมาก ท่าน
ทั้งหลายอย่ากลัวเลย จะเศร้าโศกทำไม จงเบิกบาน
ใจเถิด.

[1628] ท่านทั้งหลายจงอยู่ยึดครองเกาะใหญ่นี้
อันมีอาหารเพียงพอ มีข้าวและน้ำมากมายเป็นที่อยู่
อาศัยเถิด เราไม่มองเห็นภัยอันใดอันหนึ่งซึ่งจะเกิดมี
แก่ท่านทั้งหลายเลย ท่านทั้งหลายจงเบิกบานใจอยู่ด้วย
บุตรหลานเถิด.

[1629] เทพบุตรในทิศทักษิณนี้ ย่อมคัดค้าน
ความเกษมสำราญ ถ้อยคำของเทพบุตรนั้นเป็นคำจริง
เทพบุตรในทิศอุดรไม่รู้แจ้งภัย หรือมิใช่ภัย ท่าน
ทั้งหลายอย่ากลัวเลย จะเศร้าโศกไปทำไม จงเบิกบาน
ใจเถิด.

[1630] เทวดาเหล่านี้ย่อมกล่าวผิดกันอย่างไร
เทวดาตนหนึ่งกล่าวว่าจะมีภัย ตนหนึ่งกล่าวว่าปลอด
ภัย ดังเราขอเตือน ท่านทั้งหลายจงฟังถ้อยคำของเรา
เถิด เราทั้งหมดอย่าฉิบหายเสียเร็วพลันเลย.

[1631] เราทั้งปวง จงมาช่วยกันทำเรือใหญ่ให้
มั่นคงติดเครื่องยนต์ไว้พร้อมสรรพ ถ้าเทพบุตรในทิศ
ทักษิณพูดจริง เทพบุตรในทิศอุดรก็พูดค้านเปล่า ๆ.

[1632] เมื่ออันตรายเกิดมีขึ้น เรือของพวกเรา
นั้นก็จักไม่เสียหาย อนึ่ง เราจะไม่ละทิ้งเกาะนี้ ถ้า

หากว่าเทพบุตรในทิศอุดรพูดจริง เทพบุตรในทิศ
ทักษิณก็พูดค้านเปล่า ๆ.

[1633] เราทุกคนพึงขึ้นสู่เรือนั้นทันที ข้ามไป
ถึงฝั่งโน้นโดยสวัสดีอย่างนี้ พวกเราไม่พึงเชื่อถือง่าย ๆ
ว่าคำจริงโดยคำแรก ไม่พึงเชื่อถือง่าย ๆ ซึ่งถ้อยคำที่
เทพบุตรกล่าวแล้วในภายหลังว่าเป็นจริง นรชนใดใน
โลกนี้เลือกถือเอาส่วนกลางไว้ได้ นรชนนั้นย่อมเข้าถึง
ซึ่งฐานะอันประเสริฐ.

[1634] กุลบุตรผู้มีปัญญากว้างขวาง แทงตลอด
ประโยชน์ในอนาคตแล้ว ย่อมไม่ให้ประโยชน์นั้น
ผ่านพ้นไปแม้แต่น้อย เหมือนพวกพ่อค้าเหล่านั้น
พากันไปในท่ามกลางทะเลโดยสวัสดี ด้วยกรรมของ
ตน.

[1635] ส่วนพวกคนพาลมัวหมกมุ่นอยู่ในรส
ด้วยโมหะ ไม่แทงตลอดประโยชน์อันเป็นอนาคต
เมื่อความต้องการเกิดขึ้นเฉพาะหน้า ย่อมพากันล่มจม
เหมือนมนุษย์เหล่านั้น พากันล่มจมในท่ามกลางทะเล
ฉะนั้น.

[1636] ชนผู้เป็นบัณฑิตพึงรีบทำกิจที่ควรทำ
ก่อนเสียทีเดียว อย่าให้กิจที่ต้องทำเบียดเบียนตัวได้
ในเวลาที่ต้องการ กิจนั้นไม่เบียดเบียนบุคคลผู้รีบทำ
กิจที่ควรทำเช่นนั้นในเวลาที่ต้องการ.

จบสมุททวาณิชชาดกที่ 3

อรรถกถาสมุททวาณิชชาดก



พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
พระปรารภความที่พระเทวทัตพาสกุล 500 เข้าไปในนรก ตรัสเรื่อง
นี้มีคำเริ่มต้นว่า กสนฺติ วปนฺติ เต ชนา ดังนี้.
เรื่องพิสดารมีว่า พระเทวทัตนั้น ครั้นพระอัครสาวกพาบริษัทหลีกไป
แล้ว ไม่สามารถจะอดกลั้นความโศกได้ เมื่อเลือดอุ่นกระอักออกมาจากปาก
ถูกเวทนาอันมีกำลังบีบคั้น หวนระลึกถึงพระคุณของพระตถาคตเจ้า คิดว่า
เราคนเดียวคิดทำลายล้างพระตถาคตเจ้า แต่พระศาสดามิได้มีจิตคิดร้ายในเรา
เลย แม้พระเถระเจ้า 80 องค์ ก็มิได้มีอาฆาตในเราเลย เราเองต้องไร้ที่พึ่ง
บัดนี้ ด้วยกรรมที่เรากระทำ พระศาสดาเล่าก็ทรงทอดทิ้งเราเสีย พระมหาเถระ
ทั้งหลายเล่าก็ทอดทิ้งเราแล้ว พระราหุลเถระ ญาติผู้ประเสริฐเล่าก็ทอดทิ้งบ้าง
ถึงศากยราชสกุล ก็พากันทอดทิ้งเราเสีย เราต้องไปกราบทูลขอขมากะพระศาสดา
แล้วให้สัญญาแก่บริษัท ให้ช่วยหามตนไปด้วยเตียงค้างคืนค้างแรมไป จนลุถึง
แคว้นโกศล พระอานนทเถระเจ้า กราบทูลแด่พระศาสดาว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ข่าวว่าพระเทวทัตกำลังเดินทางมาเพื่อให้พระองค์ทรงอดโทษ ตรัสว่า
ดูก่อนอานนท์ เทวทัตจักไม่ได้เห็นเรา ครั้งนั้น เมื่อพระเทวทัตบรรลุถึง
ประตูพระนครสาวัตถี พระเถรเจ้ากราบทูลอีก แม้พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็
ทรงมีพระดำรัสอย่างนั้นทีเดียว เมื่อพระเทวทัตมาถึงที่ใกล้สระโบกขรณีเชตวัน
ใกล้ประตูพระวิหารเชตวัน บาปกรรมก็ถึงที่สุด ความร้อนบังเกิดขึ้นในร่างกาย
พระเทวทัตปรารถนาจะอาบน้ำ ดื่มน้ำ จึงกล่าวว่า ผู้มีอายุทั้งหลายให้เราลง
จากเตียงเถิด เราจักดื่มน้ำ พอพระเทวทัตนั้น ก้าวลงเหยียบแผ่นดินเท่านั้น