เมนู

กาละแล้ว ได้ทำการบริหารร่างกายของมารดาแล้ว ไปสู่อาศรมชื่อ กรัณฑกะ
ก็ในที่นั้น ฤาษีจำนวน 500 ลงจากภูเขาหิมพานต์มาอยู่. พระโพธิสัตว์ได้
ถวายปวัตตทานนั้นแด่ฤาษีเหล่านั้น. พระราชาทรงรับสั่งให้สร้างรูปปฏิมา
อันสำเร็จด้วยศิลามีรูปเท่าพระโพธิสัตว์แล้ว ได้ให้มหาสักการะเป็นไป. ประ-
ชาชนชาวชมพูทวีป ประชุมกันเป็นประจำปี ได้ทำการฉลองช้าง.
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงประกาศสัจจะ
ทั้งหลาย ประชุมชาดกว่า พระราชาในกาลนั้น ได้เป็นพระอานนท์
บุรุษชั่ว
ได้เป็นพระเทวทัต นายหัตถาจารย์ได้เป็นพระสารีบุตร นางช้าง
นั้นได้เป็นพระนางมหามายาเทวี ส่วนช้างเชือกประเสริฐ ซึ่งเลี้ยงดู
มารดา คือเรานั่นเอง ผู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.
จบอรรถกถามาตุโปสกชาดก

2. ชุณหชาดก



ว่าด้วยการคบบัณฑิตและคบคนพาล


[1504] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งชน ขอ
พระองค์ทรงสดับคำของข้าพระองค์ ข้าพระองค์มาถึง
ในที่นี้ด้วยประโยชน์ในพระเจ้าชุณหะ ข้าแต่พระองค์
ผู้ประเสริฐว่าสัตว์ 2 เท้าทั้งหลาย เมื่อพราหมณ์
เดินทางไกลยืนอยู่ บัณฑิตทั้งหลายไม่ควรพูดว่า
พระราชาควรเสด็จเลยไป.

[1505] ดูก่อนพราหมณ์ ข้าพเจ้ากำลังรอฟัง
อยู่ ท่านมาถึงในที่นี้ด้วยประโยชน์อันใด จงบอก
ประโยชน์อันนั้น หรือว่าท่านปรารถนาประโยชน์
อะไรในข้าพเจ้าจึงมาในที่นี้ เชิญท่านพราหมณ์บอก
มาเถิด.

[1506] ขอพระองค์โปรดพระราชทานบ้านส่วย
5 ตำบลแก่ข้าพระองค์ ทาสี 100 คน โค 700
ทองเนื้อดี 1,000 แท่ง ขอได้ทรงโปรดประทานภรรยา
ผู้พริ้มเพราแก่ข้าพระองค์ 2 คน.

[1507] ดูก่อนพราหมณ์ ตบะอันมีกำลังกล้า
ของท่านมีอยู่หรือ หรือว่ามนต์ขลังของท่านมีอยู่ หรือ
ว่ายักษ์บางพวกผู้เชื่อฟังถ้อยคำของท่านมีอยู่ หรือว่า
ท่านยังจำได้ถึงประโยชน์ที่ท่านทำแล้วแก่เรา.

[1508] ตบะของข้าพระองค์มิได้มี แม้มนต์
ของข้าพระองค์ก็มิได้มี ยักษ์บางพวกผู้เชื่อฟังถ้อยคำ
ของข้าพระองค์ก็ไม่มี อนึ่ง ข้าพระองค์ก็จำไม่ได้ถึง
ประโยชน์ ที่ข้าพระองค์ทำแล้วแก่พระองค์ ก็แต่ว่า
เมื่อก่อนได้มีการพบปะกันเท่านั้นเอง.

[1509] ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่า การเห็นนี้เป็นการเห็น
ครั้งแรก นอกจากนี้ ข้าพเจ้าจำไม่ได้ถึงการพบกันใน
ครั้งใดเลย ข้าพเจ้าถามถึงเรื่องนั้น ขอท่านจงบอก
แก่ข้าพเจ้าว่า เราได้เคยพบกันเมื่อไรหรือที่ไหน.

[1510] ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ พระองค์
และข้าพระองค์ได้อยู่กันมาแล้วในเมืองตักกศิลา อัน
เป็นเมืองที่รื่นรมย์ของพระเจ้าคันธารราช พระองค์
กับข้าพระองค์ได้กระทบไหล่กันในความมืด มี
หมอกทึบในนครนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอม-
ประชาชน พระองค์และข้าพระองค์ยืนกันอยู่ในที่
ตรงนั้น เจรจาปราศรัยด้วยคำอันให้ระลึกถึงกันที่ตรง
นั้นแล เป็นการพบกันแห่งพระองค์และข้าพระองค์
ภายหลังจากนั้นมิได้มี ก่อนแต่นั้นก็ไม่มี.

[1511] ดูก่อนพราหมณ์ การสมาคมกับสัป-
บุรุษย่อมมีในหมู่มนุษย์บางครั้งบางคราว บัณฑิต
ทั้งหลายย่อมไม่ทำการพบปะกัน ความสนิทสนม หรือ
คุณที่กระทำไว้แล้วในกาลก่อนให้เสื่อมสูญไป.

[1512] ส่วนคนพาลทั้งหลาย ย่อมทำการพบ
ปะกัน ความสนิทสนม หรือคุณที่เขาทำไว้ในกาลก่อน
ให้เสื่อมสูญไป คุณที่ทำไว้ในคนพาลทั้งหลาย ถึงจะ
มากมายก็ย่อมเสื่อมไปหมด เพราะว่าคนพาลทั้งหลาย
เป็นคนอกตัญญู.

[1513] ส่วนนักปราชญ์ทั้งหลาย ย่อมไม่ทำ
การพบปะกัน ความสนิทสนม หรือคุณที่เขาทำไว้ใน
กาลก่อนให้เสื่อมสูญไป คุณที่ทำไว้ในนักปราชญ์
ทั้งหลาย ถึงจะน้อยก็ย่อมไม่เสื่อมหายไป เพราะว่า

นักปราชญ์ทั้งหลายเป็นผู้ความกตัญญูดี ข้าพเจ้าจะ
ให้บ้านส่วย 5 ตำบลแก่ท่าน ทาสี 100 คน โค 700
ทองเนื้อดี 1,000 แท่ง และภรรยาผู้พริ้มเพรา 2 คน
มีชาติและตระกูลเสมอกัน แก่ท่าน.

[1514] ข้าแต่พระราชา การสมาคมกับสัตบุรุษ
ย่อมเป็นอย่างนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นใหญ่ในกาสิกรัฐ
ข้าพระองค์บริบูรณ์ไปด้วยสมบัติ มีบ้านส่วยเป็นต้น
เหมือนพระจันทร์ตั้งอยู่ท่ามกลางแห่งหมู่ดาวทั้งหลาย
ฉะนั้น การสังคมกับพระองค์นั่นแล เป็นอันว่าข้า-
พระองค์ได้แล้วในวันนี้เอง.

จบชุณหชาดกที่ 2

อรรถกถาชุณหชาดก


พระศาสดา เมื่อทรงประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรง
พระปรารภพรที่พระอานนทเถระได้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ มีคำเริ่มต้น
ว่า สุโณหิ มยฺหํ วจนํ ชนินฺท ดังนี้.
ดังจะกล่าวโดยพิสดาร ในปฐมโพธิกาล พระผู้มีพระภาคเจ้า มิได้
มีอุปัฏฐากประจำตลอด 20 ปี. บางคราวพระนาคสมาลเถระ ก็อุปัฏฐาก
พระผู้มีพระภาคเจ้า บางคราวพระนาคิตะ บางคราวพระอุปวาณะ บางคราว