เมนู

9. มหาธัมมปาลชาดก



ว่าด้วยเหตุที่ไม่ตายในวัยหนุ่ม



[1410] อะไรเป็นวัตรของท่าน อะไรเป็นพรหม-
จรรย์ของท่าน การที่คนหนุ่ม ๆ ไม่ตายนี้ เป็น
ผลแห่งกรรมอะไรที่ท่านประพฤติดีแล้วดูก่อน
พราหมณ์ ขอท่านจงบอกเนื้อความนี้แก่เรา
เหตุไรหนอ คนหนุ่ม ๆ ของพวกท่านจึงไม่
ตาย.
[1411] พวกเราประพฤติธรรม ไม่กล่าวมุสา
งดเว้นธรรมชั่ว งดเว้นธรรมอันไม่ประเสริฐ
ทั้งหมด เพราะเหตุนั้นแหละ คนหนุ่ม ๆ ของ
พวกเราจึงไม่ตาย.
[1412] พวกเราฟังธรรมของอสัตบุรุษและของ
สัตบุรุษแล้ว เราไม่ชอบใจธรรมของอสัตบุรุษ
เลย ละอสัตบุรุษเสีย ไม่ละสัตบุรุษ เพราะเหตุ
นั้นแหละ คนหนุ่ม ๆ ของพวกเราจึงไม่ตาย.
[1413] ก่อนที่เริ่มจะให้ทาน พวกเราเป็นผู้ตั้งใจ
ดี แม้กำลังให้ก็มีใจผ่องแผ้ว ครั้นให้แล้วก็

ไม่เดือดร้อนภายหลัง เพราะเหตุนั้นแหละ คน
หนุ่ม ๆ ของพวกเราจึงไม่ตาย.
[1414] พวกเราเลี้ยงดูสมณะ พราหมณ์ คน
เดินทาง วณิพก ยาจก และคนขัดสนทั้งหลาย
ให้อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวน้ำ เพราะเหตุนั้น
แหละ คนหนุ่ม ๆ ของพวกเราจึงไม่ตาย.
[1415] พวกเราไม่นอกใจภรรยา ถึงภรรยาก็ไม่
นอกใจพวกเรา พวกเราประพฤติพรหมจรรย์
นอกจากภรรยาของตน เพราะเหตุนั้นแหละ
คนหนุ่ม ๆ ของพวกเราจึงไม่ตาย.
[1416] พวกเราทั้งหมดงดเว้นจากการสัตว์
งดเว้นสิ่งของที่เขาไม่ให้ในโลก ไม่ดื่มของเมา
ไม่กล่าวปด เพราะเหตุนั้นแหละ คนหนุ่ม ๆ
ของพวกเราจึงไม่ตาย.
[1417] บุตรที่เกิดในภรรยาผู้มีศีลดีเหล่านั้น เป็น
ผู้ฉลาด มีปัญญา เป็นพหูสูต เรียนจบไตรเพท
เพราะเหตุนั้นแหละ คนหนุ่ม ๆ ของพวกเรา
จึงไม่ตาย.

[1418] มารดาบิดา พี่น้องหญิงชาย บุตร ภรรยา
และเราทุกคนประพฤติธรรมมุ่งประโยชน์ใน
โลกหน้า เพราะเหตุนั้นแหละ คนหนุ่ม ๆ
ของพวกเราจึงไม่ตาย.
[1419] ทาสทาสี คนที่อาศัยเลี้ยงชีวิต คนรับใช้
คนทำงานทั้งหมด ล้วนแต่ประพฤติธรรมมุ่ง
ประโยชน์ในโลกหน้า เพราะเหตุนั้นแหละ
คนหนุ่ม ๆ ของพวกเราจึงไม่ตาย.
[1420] ธรรมแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ธรรม
บุคคลประพฤติดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้ นี้
เป็นอานิสงส์ ในธรรมที่ประพฤติดีแล้ว ผู้
ประพฤติธรรมย่อมไม่ไปสู่ทุคติ.
[1421] ธรรมแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
เหมือนร่มใหญ่ในฤดูฝน ฉะนั้น ธรรมปาละ-
บุตรของเรา อันธรรมคุ้มครองแล้ว กระดูกที่
ท่านนำเอามานี้ เป็นกระดูกสัตว์อื่น บุตรของ
เรายังมีความสุข.

จบ มหาธัมมปาลชาดกที่ 9

อรรถกถามหาธัมมปาลชาดกที่ 9



พระศาสดาเมื่อเสด็จพระนครกบิลพัสดุ์ครั้งแรก ประทับอยู่ ณ
นิโครธาราม ทรงปรารภความไม่ทรงเชื่อของพระพุทธบิดา ในพระ-
ราชนิเวศน์ จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า กินฺเต วตํ ดังนี้.
ความย่อว่า ครั้งนั้นพระเจ้าสุทโธทนมหาราชถวายข้าวยาคูและ
ของเคี้ยว แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยภิกษุ 20,000 เป็นบริวาร
ในพระราชนิเวศน์ของพระองค์ เมื่อทรงกระทำสัมโมทนียกถาใน
ระหว่างภัต ได้ตรัสว่า พระเจ้าข้า เวลาที่พระองค์ทำความเพียรอยู่ มีหมู่
เทวดามายืนอยู่ในอากาศบอกแก่หม่อมฉันว่า สิทธัตถกุมารโอรสของ
พระองค์สิ้นพระชนม์เสียแล้ว เพราะเสวยพระกระยาหารน้อย เมื่อ
พระศาสดาตรัสว่า มหาบพิตร พระองค์ทรงเชื่อหรือ ? จึงตรัสว่า
หม่อมฉันไม่เชื่อดอก พระเจ้าข้า ยังห้ามเทวดาที่ยืนกล่าวอยู่ในอากาศ
เสียอีกว่า พระโอรสของเรายังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าที่โคนต้นโพธิ์แล้ว
จะยังไม่ปรินิพพาน พระศาสดาตรัสว่า มหาบพิตร ในบัดนี้ พระองค์
จักทรงเชื่อได้อย่างไร แม้ในครั้งก่อน ครั้งหม่อมฉันเกิดเป็นมหาธรรม-
ปาลกุมาร เมื่ออาจารย์ทิศาปาโมกข์เอากระดูกแพะมาแสดงบอกว่า บุตร
ของท่านตายเสียแล้ว นี่กระดูกบุตรของท่าน พระองค์ก็มิได้ทรงเชื่อ
กล่าวกับอาจารย์ว่า ในตระกูลของเรานี่จะตายกำลังหนุ่มนั้นเป็นไม่มี
ก็เหตุไร ในบัดนี้ พระองค์จักทรงเชื่อเล่า ? พระพุทธบิดาทูลอารารนา
ให้ตรัสเรื่องราว จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-