เมนู

6. มิคาโลปชาดก



ว่าด้วยโทษของคนหัวดื้อ



[863] ดูก่อนพ่อมิคาโลปะ. พ่อไม่มีความพอใจ
ที่เจ้าบินไปอย่างนั้น ลูกเอ๋ยเจ้าบินสูงมาก เจ้า
คบหาที่ไม่ใช่ถิ่นลูกเอ๋ย.
[864] แผ่นดินปรากฏแก่เจ้า เป็นเสมือนนา
แปลง 4 เหลี่ยมเมื่อใด เมื่อนั้นเจ้าจงกลับลง
มา อย่าบินเลยนี้ขึ้นไป.
[865] นกแม้เหล่าอื่นที่มีปีกเป็นยานพาหนะ
บินไปในอากาศมีอยู่ พวกมันถูกกำลังแรงของ
ลมพัดไป สำคัญตนว่า เป็นเสมือนสิ่งที่ยั่งยืน
ทั้งหลาย ได้พินาศไปแล้วมากต่อมาก.
[866] แร้งมิคาโลปะ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของแร้ง
แต่ชื่ออปรัณผู้เป็นพ่อ บินเลยลมกาลวาตไป
ตกอยู่ในอำนาจของลมเวรัมภวาต.
[867] เมื่อแร้งมิคาโลปะ. ไม่ปฏิบัติตามโอวาท
ทั้งลูกทั้งเมียของมันและแร้งอัน ๆ ที่เป็นลูก

น้องทั้งหมด ถึงความพินาศแล้ว.
[868] ผู้ไม่สำนึกถึงคำสอนของผู้เฒ่าทั้งหลาย
ฉันนั้นเหมือนกัน ประพฤติเลยขอบเขตก็
เดือดร้อน ทุกคนไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระ
พุทธเจ้า จะถึงความพินาศเหมือนแร้ง
ที่ฝ่าฝืนคำสอนของพ่อ ฉะนั้น.

จบ มิคาโลปชาดกที่ 6

อรรถกถามิคาโลปชาดกที่ 6



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุว่ายากรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่มต้นว่า น เม รุจิ ดังนี้.
ครั้งนั้น พระศาสดาได้ตรัสเรียกภิกษุนั้นมา แล้วตรัสถามว่า
จริงหรือภิกษุ ได้ทราบว่าเธอเป็นผู้ว่ายาก ? เมื่อเธอทูลว่า จริงพระ-
เจ้าข้า จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ไม่ใช่บัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนเธอก็เป็น
คนว่ายากเหมือนกัน. ก็เพราะอาศัยความเป็นผู้ว่ายาก เธอไม่เชื่อฟังคำ
ของบัณฑิตทั้งหลายจึงถึงความย่อยยับ ในช่องทางของลมเวรัมภะ. คือ
ลมงวง. แล้วได้ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร
พาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในกำเนิดแร้ง ได้มีชื่อว่าแร้งอปรัณ มันมี