เมนู

4. จุลลสุวกราชชาดก



ว่าด้วยผู้รักษาไมตรี



[1236] ต้นไม้ทั้งหลายที่มีใบเขียว มีผลดก
มีอยู่เป็นอันมาก เหตุไรพญานกแขกเต้าจึง
มีใจยินดีในต้นไม้แห้งผุเล่า.
[1237] เราเคยบริโภคผลแห่งต้นไม้นี้นับได้
หลายปีมาแล้ว ถึงเราจะรู้ว่าต้นไม้นี้ไม่มีผล
แล้ว ก็ต้องรักษาความไมตรีไว้ให้เหมือนดัง
ก่อน.
[1238] นกทั้งหลายย่อมละทิ้งต้นไม้แห้งผุ ขาด
ใบไร้ผลไปในที่อื่น ดูก่อนพญานกแขกเค้า
ท่านเห็นโทษอะไรหรือ ?
[1239] นกเหล่าใดคบหาฉันเพราะต้องการผล
ไม้ ครั้นรู้ว่าต้นไม้นั้นไม่มีผล ก็ละทิ้งต้นไม้
นั้นไปเสียนกเหล่านั้นโง่เขลา มีปัญญาที่เห็น
แก่ตัว มักทำฝักใฝ่แห่งมิตรภาพให้ตกไป.

[1240] ความเป็นเพื่อน ความไมตรี ความ
สนิทสนมกันท่านได้ทำไว้เป็นพยานดีแล้ว
ถ้าท่านชอบใจธรรมนั้น ท่านก็เป็นผู้ควรที่
วิญญูชนทั้งหลายพึงสรรเสริญ.
[1241] ดูก่อนพญานกแขกเต้า ผู้ชาติวิหคมีปีก
เป็นยานพาหนะ มีคอโค้งเป็นสง่า เรานั้นจะ
ให้พรแก่ท่าน ท่านจงเลือกเอาพรตามที่ใจ
ปรารถนาเถิด.
[1242] ไฉนข้าพเจ้าจะพึงได้เห็นต้นไม้นั้นกลับ
มีใบมีผลอีกเล่า ข้าพเจ้าจะยินดีอย่างยิ่งเหมือน
คนจนได้ขุมทรัพย์ ฉะนั้น.
[1243] ลำดับนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงวัก-
อมตวารีมาประพรมต้นไม้ กิ่งก้านของต้นไม้
นั้นก็งอกงาม มีเงาร่มเย็นเป็นที่น่ารื่นรมย์.
[1244] ข้าแต่ท้าวสักกเทวราช ขอให้พระองค์
ทรงพระเจริญสุข พร้อมด้วยพระญาติทั้งปวง
เหมือนดังข้าพระบาทมีความสุข เพราะได้เห็น

ต้นไม้ผลิตผลในวันนี้ ฉะนั้นเถิด.
[1245] ท้าวสักกเทวราช ประทานพรแก่พญา-
นกแขกเต้าทำต้นไม้ให้มีผลแล้ว พาพระมเหสี
เสด็จกลับเทพนันทวัน.

จบ จุลลสุวกราชชาดกที่ 4

อรรถกถาจุลลสุวกราชชาดกที่ 4



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระนครสาวัตถี ทรงปรารภ
เวรัญชกัณฑ์ จึงตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่มต้นว่า สนฺติ รุกฺขา ดังนี้.
เมื่อพระศาสดาเสด็จจำพรรษา ณ เมืองเวรัญชา แล้วเสด็จถึง
พระนครสาวัตถีโดยลำดับ ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมสภา
ว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระตถาคตเป็นกษัตริย์สุขุมาลชาติ เป็น
พุทธสุขุมาลชาติประกอบด้วยอิทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ เวรัญชพราหมณ์
นิมนต์ไป ได้จำพรรษาอยู่ตลอด 3 เดือน ไม่ได้ภิกษาจากสำนัก
เวรัญชพรหมณ์แม้สักวันเดียว เพราะถูกมารดลใจเสีย ทรงละความ
โลภอาหารเสียได้ ดำรงพระชนม์ด้วยข้าวสำหรับเลี้ยงม้าที่พ่อค้าม้าถวาย
วันละแล่ง มิได้เสด็จไปที่อื่น ความที่พระตถาคตทรงมักน้อยสันโดษนี้
น่าสรรเสริญเหลือเกิน พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ? เมื่อภิกษุ