เมนู

2. โกสัมพิยชาดก



ว่าด้วยอยู่คนเดียวดีกว่าร่วมกับคนพาล



[1216] คนพาลมีเรื่องอื้ออึงเหมือนกันหมด แต่
สักคนหนึ่งก็ไม่รู้สึกคนว่าเป็นคนพาล เมื่อ
สงฆ์แตกกันก็ไม่รู้เหตุอื่นโดยยิ่งว่า สงฆ์แตก
กันเพราะเรา.
[1217] เพราะเป็นคนมีสติหลงลืม แต่ยังพูดว่า
ตนเป็นบัณฑิตมีวาจาเป็นอารมณ์ช่างพูด ย่อม
ปรารถนาจะให้เสียงออกจากปากอยู่เพียงใด ก็
พูดไปเพียงนั้น เขาถูกการทะเลาะนำไปแล้ว
ยังไม่รู้ว่าการทะเลาะนั้นเป็นโทษ.
[1218] ก็ชนเหล่าใดเข้าไปผูกความโกรธนั้นไว้
ว่า คนโน้นได้ด่าเรา คนโน้นได้ตีเรา คนโน้น
ได้ชนะเรา คนโน้นได้ลักของของเรา เวรของ
ชนเหล่านั้น ย่อมไม่ระงับได้.
[1219] ส่วนชนเหล่าใดไม่เข้าไปผูกความโกรธ
นั้นไว้ว่า คนโน้นได้ด่าเรา คนโน้นได้ตีเรา

คนโน้นได้ชนะเรา คนโน้นได้ลักของของเรา
เวรของชนเหล่านั้น ย่อมระงับไปได้.
[1220] แต่ไหนแต่ไรมา ในโลกนี้ เวรย่อมไม่
ระงับด้วยเวร แต่ย่อมระงับได้ด้วยการไม่จอง
เวร ธรรมนี้เป็นของเก่า.
[1221] ก็ชนเหล่าอันย่อมไม่รู้สึกว่า พวกเราจะ
พากันยุบยับในท่ามกลางสงฆ์นี้ ส่วนชนเหล่า
ใดในหมู่นั้นย่อมรู้สึกได้ ความหมายมั่นกัน
ย่อมสงบระงับไป เพราะการทำไว้ในใจโดย
แยบคายของชนเหล่านั้น.
[1222] คนที่ปล้นแว่นแคว้นชิงทรัพย์สมบัติ
กันจนถึงปลงชีวิตลิดกระดูกกันแล้ว ก็ยังกลับ
สามัคคีกันได้ เหตุไรพวกเธอจึงไม่สามัคคี
กันเล่า.
[1223] ถ้าจะพึงได้สหายผู้มีปัญญาเป็นนักปราชญ์
ไปไหนไปด้วยกัน อยู่ด้วยช่วยทำประโยชน์
ให้สำเร็จ ควรชื่นชมมีสติเที่ยวไปกับสหายนั้น
จะครอบงำอันตรายทั้งปวงได้.

[1224] ถ้าไม่พึงได้สหายผู้มีปัญญา เป็นนัก
ปราชญ์ ไปไหนไปด้วยกัน อยู่ด้วยช่วยทำ
ประโยชน์ให้สำเร็จ พึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียว
เหมือนพระราชาทรงสละแว่นแคว้นเสด็จไป
แต่พระองค์เดียวฉะนั้น หรือเหมือนช้างมา-
ตังคะ เที่ยวไปในป่าแต่ผู้เดียวฉะนั้น.
[1225] การเที่ยวไปผู้เดียวประเสริฐกว่า เพราะ
คุณคือความเป็นสหาย ย่อมไม่มีในคนพาล
ควรเที่ยวไปผู้เดียวแต่ไม่ควรทำบาป เหมือน
ช้างมาตังคะมีความขวนขวายน้อย เที่ยวไปใน
ป่าแต่ผู้เดียวแลไม่ทำบาป ฉะนั้น.

จบ โกสัมพิยชาดกที่ 2

อรรถกถาโกสัมพิยชาดกที่ 2



พระศาสดาเมื่อทรงอาศัยเมืองโกสัมพีประทับอยู่ ณ โฆสิตาราม
ทรงปรารภเหล่าภิกษุที่ทะเลาะกันในเมืองโกสัมพี ตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่ม
ต้นว่า ปุถุสทฺโท ดังนี้. เนื้อเรื่องมีมาแล้วในโกสัมพิกขันธกะ สำหรับ
ในที่นี้มีความย่อ ดังต่อไปนี้.