เมนู

9. อัฏฐานชาดก



ว่าด้วยสิ่งที่เป็นไปไม่ได้



[1188] เมื่อใด แม่น้ำคงคาดารดาษด้วยดอกบัว
ก็ดี นกดุเหว่าสีขาวเหมือนสังข์ก็ดี ต้นหว้า
พึงให้ผลเป็นผลตาลก็ดี เมื่อนั้น เราทั้งสอง
พึงอยู่ร่วมกันได้แน่.
[1189] เมื่อใด ผ้า 3 ชนิดจะพึงสำเร็จได้ด้วย
ขนเต่า ใช้เป็นเครื่องกันหนาวในคราวน้ำค้าง
ตกได้ เมื่อนั้น เราทั้ง 2 พึงอยู่ร่วมกันได้แน่.
[1190] เมื่อใด เท้ายุงทั้งหลาย จะพึงทำเป็น
ป้อม มั่นคงดีไม่หวั่นไหว อาจจะทนบุรุษผู้
ขึ้นรบได้ตั้งร้อย เมื่อนั้น เราทั้ง 2 พึงอยู่
ร่วมกันได้แน่.
[1091] เมื่อใด เขากระต่ายจะพึงทำเป็นบันได
เพื่อขึ้นไปสวรรค์ได้ เมื่อนั้น เราทั้ง 2 พึง
อยู่ร่วมกันได้แน่.

[1192] เมื่อใด หนูทั้งหลายจะพึงไต่บันได
ขึ้นไปกัดพระจันทร์ และขับไล่ราหูให้หนีไป
ได้ เมื่อนั้น เราทั้ง 2 พึงอยู่ร่วนได้แน่.
[1193] เมื่อใด แมลงวันทั้งหลายเที่ยวไปเป็น
หมู่ ๆ ดื่มเหล้าหมดหม้อเมาแล้ว จะพึงเข้า
ไปอยู่ในโรงถ่านเพลิง เมื่อนั้น เราทั้ง 2 พึง
อยู่ร่วมกันได้แน่.
[1194] เมื่อใด ลาพึงมีริมฝีปากงาม สีเหมือน
ผลมะพลับ มีหน้างามเหมือนแว่นทอง จะ
เป็นสัตว์ฉลาดในการฟ้อนรำขับร้องได้ เมื่อนั้น
เราทั้ง 2 พึงอยู่ร่วมกันได้แน่.
[1195] เมื่อใด กากับนกเค้า พึงปรารถนา
สมบัติให้แก่กันและกัน ปรึกษาปรองดองกัน
อยู่ในที่ลับได้ เมื่อนั้นเราทั้ง 2 พึงอยู่ร่วมกัน
ได้แน่.
[1196] เมื่อใด รากไม้และใบไม้อย่างละเอียด
พึงเป็นร่มมั่นคงป้องกันฝนได้ เมื่อนั้น เรา
ทั้ง 2 พึงอยู่ร่วมกันได้แน่.

[1197] เมื่อใด นกตัวเล็ก ๆ พึงเอาจะงอยปาก
คาบภูเขาคันธมาทน์ บินไปได้ เมื่อนั้น เรา
ทั้ง 2 พึงอยู่ร่วมกันได้แน่.
[1198 ] เมื่อใด เด็ก ๆ พึงขับเรือใหญ่ อัน
ประกอบด้วยเครื่องยนต์ และใบพัดกำลังแล่น
ไปในสมุทรไว้ได้ เมื่อนั้น เราทั้ง 2 พึงอยู่
ร่วมกันได้แน่.

จบ อัฏฐานชาดกที่ 9

อรรถกถาอัฏฐานชาดกที่ 9



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุผู้กระสันรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า คงฺคา กุมุทินี
ดังนี้.
พระศาสดา ตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า เธอ
กระสันจริงหรือ ? เมื่อภิกษุนั้นกราบทลูว่า จริงพระเจ้าข้า จึงตรัสถามว่า
เธอกระสันเพราะเหตุไร ? เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า เพราะอำนาจกิเลส
จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ขึ้นชื่อว่ามาตุคามมักอกตัญญู ประทุษร้ายมิตร
ไม่น่าไว้วางใจ บัณฑิตทั้งหลายในครั้งก่อน แม้ให้ทรัพย์วันละพัน ก็