เมนู

10. กุมมาสปิณฑชาดก



ว่าด้วยอานิสงส์ถวายขนมกุมมาส



[1107] ได้ยินว่า การปรนนิบัติพระอโนมทัสสี-
ปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย มีผลหาน้อยไม่ เชิญ
ดูผลของการถวายก้อนขนมกุมมาสที่แห้งและ
มีรสจืดชืดเถิด โปรดดูผลแห่งการถวายก้อน
ขนมกุมมาสที่เป็นเหตุให้เรามีช้าง โคม้า ทรัพย์
และข้าวเปลือกมากมาย ทั้งแผ่นดิน ทั้งสิ้น
และนางนารีเหล่านี้ ที่เปรียบด้วยนางอัปสร
เชิญดูผลของการถวายก้อนขนมกุมมาสเถิด.
[1108] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ผู้ทรงทำความ
ยิ่งใหญ่ เพราะกุศลธรรม พระองค์ตรัสคาถา
ทรงเพลงเสมอ ๆ ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพัฒนา
รัฐ หม่อมฉันขอทูลถามพระองค์ ขอพระองค์
มีพระราชหฤทัยประกอบด้วยปีติอย่างแรงกล้า
โปรดบอกหม่อมฉันเถิด.

[1109] เราได้เกิดในตระกูลหนึ่งในนครนี้นั่นเอง
ได้เป็นลูกจ้างทำงานให้คนอื่น แต่มีสีลสังวร
เราออกไปทำงานได้เห็นพระสมณะ 4 รูป ผู้
สมบูรณ์ด้วยศีลและอาจาระ เป็นผู้เยือกเย็น
ไม่มีอาสวะ ยังจิตให้เลื่อมใสในท่านเหล่านั้น
แล้ว ได้ให้ท่านนั่งบนอาสนะที่ปูด้วยใบไม้
เลื่อมใสแล้ว ได้ถวายขนมกุมมาสแก่พระ-
ปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ด้วยมือของตนเอง.
ผลของกุศลกรรมนั้นของเราเป็นเช่นนี้ คือ เรา
ได้เสวยราชสมบัตินี้ ที่มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์
กว้างขวาง.
[1110] ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นอธิบดี ในเพราะ
กุศลธรรม ขอพระองค์จงทรงพระราชทานก่อน
จึงเสวย ขอพระองค์อย่าทรงประมาท ทรง
หมุนล้อ คือพระธรรมเถิด ข้าแต่มหาราช ผู้
ทรงเป็นอธิบดีในเพราะกุศลธรรม ขอพระองค์
อย่าได้ทรงดำรงอยู่ในอธรรม โปรดรักษาทศ-
พิธราชธรรมไว้เถิด.

[1111] ดูก่อนพระธิดาของพระเจ้าโกศลผู้เลอ-
โฉม เรานั้นจักประพฤติตามทางที่พระอริยเจ้า
ทั้งหลายประพฤติมาแล้ว เสมอ ๆ นั้นนั่นเอง
พระอรหันต์ทั้งหลาย เป็นที่พอใจของเรา เรา
ต้องการจะได้เห็นท่าน.
[1112] ดูก่อนน้องนางผู้เจริญ ชาวโกศลคน
สวยงาม เธออุปมาเหมือนสาวอัปสร สวยงาม
ในท่ามกลางหมู่นารี เหมือนพระเทพเทวีของ
ท้าวสักกะเทวราชก็ปานกันเธอได้ทำความดีอะไร
ไว้ เพราะเหตุอะไร เธอจึงมีผิวพรรณงาม ?
[1113] ข้าแต่พระมหากษัตริย์ หม่อมฉันได้เป็น
ทาสี ผู้รับใช้ผู้อื่นของตระกูลกุฏุมพี เป็นผู้
สำรวมระวัง เลี้ยงชีพโดยชอบธรรม มีศีล
ไม่พบเห็นบาป ในครั้งนั้น หม่อมฉันมีจิต
เลื่อมใส ได้สำรวมใจ ถวายภัตตาหารที่เขา
ยกให้เป็นส่วนของตน แก่ภิกษุผู้กำลังเดินไป
บิณฑบาต ผลแห่งธรรมนั้นของหม่อมฉัน จึง
เป็นเช่นนี้.

จบ กุมมาสปิณฑชาดกที่ 10

อรรถกถากุมมาสปิฑชาดกที่ 10



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
พระนางมัลลิกาเทวี จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า น กิรตฺถิ ดังนี้.
ความพิสดารว่า พระนางเป็นธิดาของหัวหน้านายมาลาการคน
หนึ่ง ในนครสาวัตถี มีรูปโฉมเลอเลิศ มีปัญญามาก เวลาพระนางมี
พระชนมายุ 16 พรรษา วันหนึ่ง กำลังไปสวนดอกไม้พร้อมกับหญิง
สาวทั้งหลาย หยิบเอาขนมกุมมาส 3 ก้อน วางไว้ในกระเช้าดอกไม้
เดินไป. เวลาออกไปจากพระนคร พระนางเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงเปล่งรัศมีแห่งพระสรีระ มีพระภิกษุสงฆ์ห้อมล้อม กำลังเสด็จเข้า
พระนคร จึงน้อมก้อนขนมกุมมาสเหล่านั้นเข้าไปถวาย. พระศาสดา
ทรงยื่นบาตรที่ท้าวจาตุมมหาราชถวายออกรับ. ฝ่ายพระนาง วันทา
พระบาทของพระตถาคตด้วยเศียรเกล้าแล้ว ได้ยึดเอาปีติมีพระพุทธเจ้า
เป็นอารมณ์ ยืนอยู่ ที่สมควรข้างหนึ่ง. พระศาสดาเมื่อทรงทอด
พระเนตรนาง ได้ทรงการทำการแย้มให้ปรากฏ. ท่านพระอานนทเถระ
จึงทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ
เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ในการแย้มสรวลของพระตถาคตเจ้า ?
ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสถึงเหตุแห่งการทรงแย้มแก่พระอานนท์
ว่า ดูก่อนอานนท์ กุมาริกาคนนี้จักได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้าโกศล
ในวันนี้ทีเดียว เพราะผลแก่การถวายก้อนขนมกุมมาสเหล่านี้. ฝ่าย