เมนู

6. สุสีมชาดก



ว่าด้วยพระเจ้าสุสีมะออกบวช



[1079] เมื่อก่อนผมสีดำ เกิดบนศีรษะของเจ้า
ตามที่ของมันแล้ว เจ้าสุสิมะ วันนี้เจ้าเห็น
เส้นผมเหล่านั้นมีสีขาวแล้ว จงประพฤติธรรม
เถิด เวลานี้เป็นเวลาแห่งการประพฤติพรหม.
จรรย์แล้ว.
[1080] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ผมหงอกของ
หม่อมฉันเอง ไม่ใช่ของพระองค์ ผมหงอก
งอกขึ้นบนศีรษะบนกระหม่อมของหม่อมฉัน
เอง หม่อมฉันได้ทูลคำเท็จ โดยตั้งใจว่า จัก
ทำประโยชน์ให้ตน ขอพระองค์ทรงโปรด
พระราชทานอภัยโทษหม่อมฉันสักครั้ง 1 เถิด
เพคะ.
[1081] ข้าแต่มหาราช พระองค์ยังทรงหนุ่ม มี
พระโฉมน่าทัศนายังทรงอยู่ในปฐมวัย เหมือน

ตองกล้วยแรกผลิ ฉะนั้น ข้าแต่พระทูล
กระหม่อมจอมคน ขอพระองค์ทรงเสวยราช-
สมบัติ ทรงดูแลหม่อมฉันเถิด และอย่าทรง
ทะยานไปสู่พรหมจรรย์ที่ให้ผลตามกาลเวลา.
[1082] เราเห็นกุมารีรุ่นสาว ผู้มีรูปร่างสวยงาม
มีผิวพรรณเกลี้ยงเกลา มีทรวดทรงเฉิดฉาย
อ่อนละมุนละไมเหมือนเถากาลวัลลี ต้องลม
โชย เอนตัวเข้าใกล้ชายเหมือนยั่วยวนชายอยู่
ฉะนั้น.
[1083] ต่อมาเราได้เห็นนารีคนนั้น มีความชรา
มีอายุล่วงไป 80 ปี 90 ปี ถือไม้เท้าสั่นงกงัน
มีร่างกายโค้งค้อมลงเหมือนกลอนเรือนเดินไป.
[1084] เราครุ่นคิดถึงคุณและโทษของรูปนั้นอยู่
นั่นเอง จึงนอนอยู่กลางที่นอนแต่คนเดียว
เราเมื่อพิจารณาเห็นว่า ถึงเราก็จะเป็นอย่างนี้
จึงไม่ยืนดีในเรือน เวลานี้เป็นเวลาแห่งการ
ประพฤติพรหมจรรย์.

[1085] ความยินดีของผู้อยู่ครองเรือนนี่แหละ.
เป็นเสมือนเชือกผูกเหนี่ยวไว้ ธีรชนตัดเชือก
นี้ได้แล้ว ไม่อาลัยไยดี จะละกามสุข แล้วหลีก
เว้นหนี้.

จบ สุสีมชาดกที่ 6

อรรถกถาสุสีมชาดกที่ 6



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
มหาภิเนษกรมณ์ แล้วตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า กาฬานิ เกสานิ ปุเร
อเหสุํ
ดังนี้.
ในสมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายพากันนั่งที่ธรรมสภา พรรณนาถึง
การเสด็จออกอภิเนษกรมณ์ของพระทศพล. พระศาสดาเสด็จมาถึง แล้ว
ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายนั่งสนทนากันด้วยเรื่อง
อะไรหนอ ? เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ด้วยเรื่องชื่อนี้ แล้วตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่เราตถาคตผู้บำเพ็ญบารมีเต็มแล้วมากมาย
หลายแสนโกฏิกัปป์ออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ในบัดนี้ ไม่น่าอัศจรรย์ แม้
ในกาลก่อนเราตถาคตก็ทอดทิ้งราชสมบัติ ในกาสิกรัฐประมาณสาม-
ร้อยโยชน์ออกสู่อภิเนษกรมณ์เหมือนกัน แล้วได้ทรงนำเอาเรื่องใน
อดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-