เมนู

5. โสมทัตตชาดก



ว่าด้วยความเศร้าโศกถึงผู้เป็นที่รัก



[1072] โสมทัตตมาตังคะ ซึ่งในวันก่อนมาต้อน
รับเราไกลถึงป่าเป็นเวลานาน เราไม่เห็น ไปที่
ไหนเสียแล้ว.
[1073] นี้เองคือช้างโสมทัตตเชือกนั้น นอนตาย
แล้ว มันนอนตายอยู่เหนือพื้นดิน เหมือน
ยอดเถาย่านทราย ที่ถูกเด็ดทิ้งแล้ว. โสมทัตต
กุญชรได้ตายไปแล้วหนอ.
[1074] เมื่อท่านเป็นอนาคาริก หลุดพ้นไปแล้ว
การที่ท่านโศกเศร้าถึงสัตว์ที่ตายไปแล้ว ไม่
เป็นการดีสำหรับท่านผู้เป็นสมณะ.
[1075] ข้าแต่ท้าวสักกะ ความรักใคร่ย่อมเกิด
ขึ้นแก่ดวงใจของมนุษย์หรือมฤค เพราะการ
อยู่ด้วยกันโดยแท้ อาตมภาพจึงไม่อาจไม่
เศร้าโศกถึงสัตว์ที่เป็นที่รักได้.

[1076] เหล่าสัตว์ผู้ร้องไห้คร่ำครวญ ก็ร้องไห้
ถึงสัตว์ผู้ตายไปแล้วและจักตาย เพราะฉะนั้น
ท่านฤๅษีท่านอย่าได้ร้องไห้เลย เพราะสัต-
บุรุษทั้งหลายเรียกการร้องไห้ว่าเป็นโมฆะ.
[1077] ข้าแต่ท่านผู้ประเสริฐ ถ้าคนที่ตายแล้ว
ล่วงลับไปแล้ว จึงกลับฟื้นขึ้นมาไซร้ พวก
เราทุกคน ก็จงมาชุมนุมกันร้องไห้ถึงญาติของ
กันและกันเถิด.
[1078] อาตมภาพถูกไฟ คือความโศกแผดเผา
แล้วหนอ มหาบพิตรทรงช่วยดับความร้อนรน
ทุกอย่างให้หายไป เหมือนเอาน้ำดับไฟที่ไหม้
เปรี้ยงก็ปานกัน มหาบพิตร ได้ทรงถอนลูกศร
คือความโศกอันปักอยู่ที่หัวอกของอาตมาภาพ
ออกไปแล้ว เมื่ออาตมภาพถูกความโศก
ครอบงำ มหาบพิตรได้ทรงบรรเทาความโศก
ถึงบุตรนั้นเสียได้ ข้าแต่ท้าวสักกะ อาตมภาพ
นั้นเป็นผู้มีลูกศรคือความโศก อันมหาบพิตร
ทรงถอนออกแล้ว หายโศกแล้ว ใจก็ไม่ขุ่น

มัว ทั้งจะไม่เศร้าโศก ไม่ร้องไห้ต่อไป เพราะ
ได้ฟังเทพดำรัสของมหาบพิตรแล้ว.

จบ โสมทัตตชาดกที่ 5

อรรถกถาโสมทัตตชาดกที่ 5



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
หลวงตารูปหนึ่ง แล้วจึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า โย มํ ปุเร
ปจจุเทติ
ดังนี้.
ได้ยินว่า หลวงตานั้นบวชสามเณรรูปหนึ่ง. สามเณรนั้นเป็น
ผู้อุปัฏฐากท่าน ได้มรณภาพ ด้วยโรคชนิดนั้น. เมื่อสามเณรนั้น
มรณภาพหลวงตาเดินร้องไห้คร่ำครวญไปพลาง. ภิกษุทั้งหลายเห็นท่าน
แล้วตั้งเรื่องขึ้นสนทนากันในธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโส หลวงตารูป
โน้นเดินร้องไห้คร่ำครวญไปพลาง เพราะการมรณภาพของสามเณร
ท่านเห็นจะเว้นจากกรรมฐาน ข้อมรณานุสสติ. พระศาสดาเสด็จมาถึงตรัส
ถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร
หรือ ? เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ด้วยเรื่องชื่อนี้ แล้วได้ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่เฉพาะแต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน เมื่อ
สามเณรมรณภาพแล้ว หลวงตานั้นก็ร้องไห้เหมือนกัน. เป็นผู้ที่ภิกษุ