เมนู

5. กโปตกชาดก


ว่าด้วยโภคะของมนุษย์


[825] บัดนี้ เราเป็นสุข ไม่มีโรค นกพิราบ
ผู้เหมือนหนามในหทัยบินไปแล้ว บัดนี้ เรา
จักกระทำความยินดีแห่งหทัย เพราะเหตุว่า
ชิ้นเนื้อและแกงจะทำให้เราเกิดกำลัง.
[826] นกยางอะไรนี่มีหงอน ขี้ขโมย เป็น
ปู่นก โลดเต้นอยู่ แน่ะนกยาง ท่านจง
ออกมีข้างนอกเสีย กาผู้เป็นสหายของเรา
ดุร้าย.
[827] ท่านได้เห็นเรามีขนปีก อันพ่อครัวถอน
แล้วทาด้วยน้ำข้าวเช่นนี้ ไม่ควรจะมาหัวเราะ
เยาะเลย.
[828] ท่านอาบดีแล้ว ลูบไล้ดีแล้ว เอิบอิ่ม
ไปด้วยข้าวแลน้ำ และมีแก้วไพฑูรย์อยู่ที่คอ
ได้ไปกชังคละประเทศมาหรือ.
[829] เราจะเป็นมิตรหรือมิใช่มิตรของท่านก็
ตาม ท่านอย่าได้กล่าวว่า ท่านได้ไปยังกชัง-

คละประเทศมีหรือ เพราะว่าในกชังคละ-
ประเทศนั้น ชนทั้งหลายถอนขนของเราออก
แล้ว ผูกชิ้นกระเบื้องไว้ที่คอ.
[830] แน่ะสหาย ท่านจะประสบสภาพเห็น
ปานนี้อีก เพราะปกติของท่านเป็นเช่นนั้น
อันโภคของพวกมนุษย์ไม่ใช่เป็นของที่นก
จะกินได้ง่ายเลย.

จบ กโปตกชาดกที่ 5

อรรถกถากโปตกชาดกที่ 5


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุโลภรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อิทานิ
โขมฺหิ
ดังนี้.
เรื่องภิกษุโลภ ได้ให้พิสดารแล้วโดยเรื่องราวมิใช่น้อยเลย.
ส่วนในชาดกนี้ พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ก่อนภิกษุ ได้
ยินว่าเธอเป็นผู้โลภจริงหรือ ? เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้า
แต่พระองค์ผู้เจริญ. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้
ในกาลก่อน เธอก็เป็นคนโลภมาแล้ว ก็เพราะความเป็นคนโลภ จึง
ได้ถึงความสิ้นชีวิต แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร