เมนู

2. สีลวีมังสชาดก


ผู้ประพฤติธรรมย่อมเป็นผู้เสมอกัน


[758] ข้าพระองค์มีความสงสัยว่า ศีลประเสริฐ
หรือสุตะ ประเสริฐศีลนี่แหละประเสริฐกว่า
สุตะ ข้าพระองค์ไม่มีความสงสัยเเล้ว.
[759] ชาติและวรรณะเป็นของเปล่า ได้สดับ
มาว่า ศีลเท่านั้นประเสริฐที่สุด บุคคลผู้ไม่
ประกอบด้วยศีล ย่อมไม่ได้ประโยชน์เพราะ
สุตะ.
[760] กษัตริย์และแพศย์ผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ไม่
อาศัยธรรม ชนทั้งสองนั้นละโลกนี้ไปแล้ว
ย่อมเข้าถึงทุคติ.
[761] กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร์ คน
จัณฑาล และคนเทหยากเยื่อ ประพฤติธรรม
ในธรรมวินัยนี้แล้วย่อมเป็นผู้เสมอกันในไตร
ทิพย์.
[762] เวท ชาติ แม้พวกพ้อง ก็ไม่สามารถ
จะให้อิสริยยศ หรือความสุขในภพหน้าได้

ส่วนศีลของตนเองที่บริสุทธิ์ดีแล้ว ย่อมนำ
ความสุขในภพหน้ามาให้ได้.

จบ สีลวีมังสชาดกที่ 2

อรรถกถาสีลวีมังสชาดกที่ 2


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
พราหมณ์ผู้ทดลองศีลคนหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้น
ว่า สีลํ เสยฺโย ดังนี้.
ได้ยินว่า พระราชาทรงเห็นพรามณ์นั้นว่า พราหมณ์นี้
เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยศีล จึงทรงตั้งให้ยิ่งกว่าพราหมณ์ทั้งหลายอื่น.
พราหมณ์นั้นคิดว่า พระราชาทรงกระทำความเคารพนับถือเรา ทรง
เห็นเราว่าเป็นผู้มีศีล หรือว่าทรงเห็นว่าเป็นผู้ประกอบด้วยการจำ
ทรงสุตะไว้ได้ เราจักทดลองดูก่อนว่าศีลหรือสุตะสำคัญกว่ากัน.
วันหนึ่งพราหมณ์นั้นจึงหยิบเอากหาปณะจากแผ่นกระดานนับเงินของ
เหรัญญิกไป. เหรัญญิกก็ไม่พูดอะไร เพราะความเคารพ. แม้ในครั้ง
ที่สอง ก็ไม่พูดอะไร แต่ในครั้งที่สาม เหรัญญิกกล่าวหาว่า เป็นโจร
ปล้นเงิน แล้วให้จับพราหมณ์นั้นมาถวายพระราชา เมื่อพระราชาตรัส
ว่า พราหมณ์นี้ทำอะไร จึงกราบทูลว่า ปล้นทรัพย์พระเจ้าข้า. พระ-
ราชาตรัสถามว่า เขาว่า จริงหรือพราหมณ์. พราหมณ์กราบทูลว่า
ข้าแต่มหาราชเจ้า ข้าพระบาทมิได้ปล้นทรัพย์ แต่ข้าพระบาทมีความ