เมนู

10. สุสันธีชาดก


ว่าด้วยนางผิวหอม


[748] กลิ่นดอกไม้ติมิระหอมฟุ้งไป น้ำทะเล
คะนองใหญ่ พระนางสุสันธีอยู่ห่างไกลจาก
นครนี้ ข้าแต่พระเจ้าตัมพราช กามทั้งหลาย
เสียบแทงหัวใจข้าพระบาทอยู่.
[749] ท่านข้ามทะเลไปได้อย่างไร ท่านได้
เห็นเกาะเสรุมได้อย่างไร ดูก่อนนายอัคคะ
ความสมาคมของนางและท่านได้มีขึ้นอย่าง
ไร.
[750] เมื่อพวกพ่อค้าผู้แสวงหาทรัพย์ ออก
ไปจากท่าชื่อภรุกัจฉะ พวกมังกรทำให้เรือ
แตกแล้ว เราได้ลอยไปกับแผ่นกระดาน.
[751] พระนางสุสันธีมีกลิ่นพระกายหอมดุจ
แก่นจันทน์อยู่เป็นนิตย์น่าดูน่าชม ทรงเห็น
ข้าพระบาทเข้าแล้ว ปลอบโยนด้วยวาจาอัน
อ่อนหวาน ได้ทรงอุ้มข้าพระบาทด้วยแขน
ทั้งสองเหมือนกับมารดาอุ้มบุตรผู้เกิดจากอก
ฉะนั้น.

[752] พระนางผู้มีพระเนตรอ่อนหวาน ทรง
บำรุงบำเรอข้าพระบาทด้วยข้าว น้ำ ผ้า
ที่นอน และแม้ด้วยพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า-
ตัมพราช ขอพระองค์โปรดทรงทราบอย่างนี้
เถิด.

จบ สุสันธีชาดกที่ 10

อรรถกถาสุสันธีชาดกที่ 10


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุผู้กระสันอยากสึก จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
วาติ คนฺโธ ติมิรานํ ดังนี้ :-
ได้ยินว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า
เธอกระสันอยากสึกจริงหรือ เมื่อภิกษุนั้นทูลรับว่า จริง พระเจ้าข้า
จึงตรัสว่า เพราะเห็นอะไร เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า เพราะเห็น
มาตุคามประดับประดาแต่งตัว พระเจ้าข้า จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ธรรมดาว่ามาตุคามนี้ ใครๆ ไม่อาจรักษาไว้ได้ แม้โบราณกบัณฑิต
จะรักษาไว้ในสุบรรณพิภพ ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ อันภิกษุนั้นทูล
อาราธนาแล้ว จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล พระราชาพระนามว่าตัมพราช ครองราชสมบัติอยู่
ในนครพาราณสี พระอัครมเหสีของพระเจ้าตัมพราชนั้น พระนามว่า