เมนู

5. ธังกชาดก


ว่าด้วยการร้องไห้ไม่มีประโยชน์


[722] ชนเหล่าอื่นเศร้าโศกอยู่ ร้องไห้อยู่
ชนเหล่าอื่นมีหน้าชุ่มไปด้วยน้ำตา พระองค์
เป็นผู้มีผิวพระพักตร์ผ่องใส ดูก่อนฆฏราชา
เพราะเหตุไรพระองค์จึงไม่เศร้าโศก.
[723] ความเศร้าโศกหาได้นำสิ่งที่ล่วงไปแล้ว
มาได้ไม่ หาได้นำความสุขในอนาคตมาได้ไม่
ดูก่อนธังกราชา เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึง
ไม่เศร้าโศก ความเป็นสหายในความโศก
ย่อมไม่มี.
[724] บุคคลเศร้าโศกอยู่ ย่อมเป็นผู้ผอมเหลือง
และไม่พอใจบริโภคอาหาร เมื่อเขาถูกลูกศร
คือความเศร้าโศกเสียบแทงแล้ว เร่าร้อนอยู่
ศัตรูทั้งหลายย่อมดีใจ.
[725] ความฉิบหายอันมีความเศร้าโศกเป็นมูล
จักไม่มาถึงหม่อมฉันผู้อยู่ในบ้านหรือในป่า
ในที่ลุ่มหรือในที่ดอน หม่อมฉันเห็นบทฌาน
แล้วอย่างนี้.

[726] คนผู้เดียวเท่านั้นสามารถจะนำกามรส
ทั้งปวงมาให้ได้ สหายของพระราชาพระองค์
ใด ไม่สามารถจะนำมาให้ได้ ถึงสมบัติใน
แผ่นดินทั้งสิ้น ก็จักนำความสุขมาให้แก่
พระราชาพระองค์นั้นไม่ได้.
จบ ธังกชาดกที่ 5

อรรถกถาธังกชาดกที่ 5


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
อำมาตย์ผู้หนึ่งของพระเจ้าโกศล จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่ม
ต้นว่า อญฺเญ โสจนฺติ โรทนฺติ ดังนี้.
เรื่องปัจจุบัน เป็นเช่นกับที่กล่าวไว้แล้วในหนหลังนั่นแหละ.
ส่วนในชาดกนี้ พระราชาประทานยศใหญ่แก่อำมาตย์ผู้อุปการะช่วย
เหลือพระองค์ ภายหลังทรงเชื่อถือถ้อยคำของผู้ยุยง จึงจองจำอำมาตย์
นั้นแล้วให้ขังไว้ในเรือนจำ. อำมาตย์นั้นนั่งยู่ในเรือนจำนั้นแหละ
ทำโสดาปัตติมรรคให้บังเกิดแล้ว. พระราชาทรงกำหนดได้ถึงคุณความ
ดีของอำมาตย์นั้น จึงรับสั่งให้ปล่อยจากเรือนจำ. อำมาตย์นั้นจึง
ถือของหอมและดอกไม้ไปยังสำนักของพระศาสดา ถวายบังคมแล้ว
นั่งอยู่. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสถามอำมาตย์นั้นว่า เขาว่า
ความฉิบหายมิใช่ประโยชน์เกิดขึ้นแล้วแก่ท่านหรือ เมื่ออำมาตย์