เมนู

2. สุชาตชาดก


ว่าด้วยคำคมของคนฉลาด


[707] เหตุไรหนอ เจ้าจึงเป็นเหมือนรีบด่วน
เกี่ยวเอาหญ้าอันเขียวสดมาแล้ว บ่นเพ้อถึง
วัวแก่ผู้ปราศจากชีวิตแล้วว่า จงเคี้ยวกินเสีย
วัวที่ตายแล้วจะพึงลุกขึ้นได้เพราะหญ้าและ
น้ำเป็นไม่มีแน่ เจ้าบ่นเพ้อไปเปล่า ๆ เหมือน
คนผู้ไร้ความคิด ฉะนั้น.
[708] ศีรษะ เท้าหน้า เท้าหลัง หางและหู
ของวัว ก็ตั้งอยู่ตามที่อย่างนั้น ผมเข้าใจว่า
วัวตัวนี้จะพึงลุกขึ้นได้ ศีรษะหรือมือเท้าของ
คุณปู่มิได้ปรากฏเลย คุณพ่อนั่นเองมาร้อง-
ไห้อยู่ที่สถูปดิน เป็นคนไร้ความคิดมิใช่หรือ.
[709] เจ้ารดพ่อผู้เดือดร้อนยิ่งนักให้หายร้อน
ยังความกระวนกระวายของพ่อให้ดับได้สิ้น
เหมือนบุคคลเอาน้ำรดไฟติดเปรียงให้ดับไป
ฉะนั้น เจ้ามาถอนลูกศรคือความโศกที่เสียบ
แน่นอยู่ในหทัยของพ่อออกได้แล้วหนอ เมื่อ

พ่อถูกความโศกครอบงำ เจ้าได้บรรเทาความ
โศกถึงบิดาเสียได้.
[710] พ่อเป็นผู้ถอนลูกศรคือความโศกออก
ได้แล้ว ปราศจากความเศร้าโศก หมดความ
มัวหมอง ลูกรัก พ่อจะไม่เศร้าโศก จะไม่
ร้องไห้ เพราะได้ฟังถ้อยคำของเจ้า.
[711] คนผู้มีปัญญา มีใจอนุเคราะห์ ย่อม
ทำบุคคลให้หลุดพ้นจากความเศร้าโศกได้
เหมือนกับพ่อสุชาตบุตรของเรา ทำเราผู้บิดา
ให้ล่วงพ้นจากความเศร้าโศก ฉะนั้น.

จบ สุชาตชาดกที่ 2

อรรถกถาสุชาตชาดกที่ 2


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
กฎุมพีผู้ที่บิดาตาย จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า กินฺนุ
สนฺตรมาโนว
ดังนี้.
ได้ยินว่า กุฎุมพีนั้น เมื่อบิดาตายแล้ว เที่ยวปริเทวนาการ
ร่ำไร ไม่อาจบรรเทาความโศกได้. ลำดับนั้น พระศาสดาทรงเห็น
อุปนิสัยโสดาปัตติผลของกุฎุมพีนั้น ทรงพาปัจฉาสมณะเสด็จเที่ยว