เมนู

4. อัมพชาดก


ว่าด้วยหญิงขะโมยมะม่วง


[674] หญิงคนใดลักมะม่วงทั้งหลายของท่าน
หญิงคนนั้นจงตกอยู่ใต้อำนาจของขายผู้ย้อม
ผม และผู้เดือดร้อนเพราะแหนบ.
[675] หญิงคนใดลักมะม่วงทั้งหลายของท่าน
หญิงคนนั้นถึงจะมีอายุตั้ง 20 ปี 25 ปี
หรือไม่ถึง 30 ปี ตั้งแต่เกิดมาแม้เป็นเช่นนั้น
อย่าได้ผัวเลย.
[676] หญิงคนใดลักมะม่วงทั้งหลายของท่าน
หญิงคนนั้นถึงจะกระเสือกกระสันเที่ยวหาผัว
เดินไปสู่หนทางไกลแสนไกล แต่ลำพังคน
เดียว ถึงจะได้นัดแนะกันไว้แล้ว ก็ขออย่า
ได้พบได้เห็นผัวเลย.
[677] หญิงคนใดลักมะม่วงทั้งหลายของท่าน
หญิงคนนั้นถึงจะมีที่อยู่สะอาด ตบแต่ง
ร่างกายทัดทรงดอกไม้ ลูบไล้ด้วยกระแจะ

จันทน์ ก็จงนอนอยู่บนที่นอนแต่เพียงคน
เดียวเถิด.

จบ อัมพชาดกที่ 4

อรรถกถาอัมพชาดกที่ 4


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชดวัน ทรงปรารภ
พระเถระผู้เฝ้ามะม่วงรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
โย นีลิยํ มณฺฑยติ ดังนี้.
ได้ยินว่า พระเถระนั้นบวชเมื่อภายแก่ สร้างบรรณศาลาอยู่
ในสวนมะม่วงท้ายพระเชตวัน ดูแลรักษามะม่วง เคี้ยวกินมะม่วงสุก
ที่หล่นอยู่. ย่อมให้เฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับตน. เมื่อพระเถระนั้น
เข้าไปภิกขาจาร คนลักมะม่วง ทำผลมะม่วงให้หล่นแล้วกินและถือ
เอาไป. ขณะนั้น ธิดาของเศรษฐี 4 คน อาบน้ำในแม่น้ำอจิรวดี
แล้วเที่ยวไป จึงเข้าไปยังสวนมะม่วงนั้น. พระแก่มาเห็นธิดาเศรษฐี
เหล่านั้นจึงกล่าวว่า พวกเจ้ากินมะม่วงของเรา. ธิดาเศรษฐีเหล่านั้น
กล่าวว่า. ท่านผู้เจริญ พวกดิฉันเพิ่งมา ไม่ได้กินมะม่วงของท่าน.
พระแก่กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าจงสบถ. ธิดาเศรษฐีเหล่านั้น
รับคำว่าจะกระทำสบถ เจ้าข้า แล้วพากันกระทำสบถ. พระแก่ให้
ธิดาเศรษฐีเหล่านั้นทำสบถให้ได้อาย แล้วจึงปล่อยตัวไป. ภิกษุ
ทั้งหลายได้ฟังการกระทำนั้นของพระแก่รูปนั้น จึงสนทนากันใน
โรงธรรมสภาว่า อาวุโสทั้งหลาย ได้ยินว่าพระแก่รูปโน้น ให้ธิดา