เมนู

4. ราโชวาทชาดก


ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้นำ


[634] ถ้าเมื่อโคทั้งหลายว่ายข้ามแม่น้ำไป โค
หัวหน้าฝูงว่ายคด เมื่อโคผู้นำฝูงว่ายคด
อย่างนี้ โคทั้งหมดก็ย่อมว่ายคดไปตามกัน.
[635] ในมนุษย์ทั้งหลายก็เหมือนกัน ผู้ใด
ได้รับสมมติแต่งตั้งให้เป็นใหญ่ ถ้าผู้นั้น
ประพฤติไม่เป็นธรรม ประชาชนนอกนี้ก็
ประพฤติไม่เป็นธรรมโดยแท้ ถ้าพระราชา
ผู้เป็นใหญ่ไม่ตั้งอยู่ในธรรม รัฐย่อมอยู่
เป็นทุกข์ทั่วกัน.
[636] ถ้าเมื่อโคทั้งหลายว่ายข้ามแม่น้ำไป
โคหัวหน้าฝูงว่ายข้ามตรง เมื่อโคผู้นำฝูง
ว่ายข้ามตรงอย่างนั้น โคทั้งหมดก็ย่อมว่าย
ข้ามตรงไปตามกัน
[637] ในหมู่มนุษย์ทั้งหลายก็เหมือนกัน ผู้ใด
ได้รับสมมติแต่งตั้งให้เป็นใหญ่ ถ้าผู้นั้น
ประพฤติเป็นธรรม ประชาชนนอกนี้ก็


ย่อมประพฤติเป็นธรรมไปตามโดยแท้ ถ้า
พระราชาเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม รัฐก็ย่อมอยู่
เป็นสุขทั่วกัน.
จบ ราโชวาทชาดกที่ 4

อรรถกถาโชวาทชาดกที่ 4


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ราโชวาท จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ควนฺเจ ตรมา-
นานํ
ดังนี้
เรื่องปัจจุบันจักมีแจ้งในสกุณชาดก ส่วนในชาดกนี้ พระ-
ศาสดาตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร แม้พระราชาครั้งแต่ก่อน ทรงสดับ
ถ้อยคำของบัณฑิตทั้งหลายแล้ว ครองราชสมบัติโดยธรรม บำเพ็ญ
ทางไปสวรรค์ให้บริบูรณ์ไปแล้ว อันพระราชาทรงอาราธนาแล้ว
จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ใน
นครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ เจริญวัย
แล้ว เรียนศิลปะทั้งปวงเสร็จแล้ว บวชเป็นฤาษี ทำอภิญญาและ
สมาบัติให้บังเกิดแล้ว มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหาร อยู่ใน
หิมวันตประเทศอันน่ารื่นรมย์. ในกาลนั้น พระราชาทรงรังเกียจโทษ
มิใช่คุณความดี ทรงพระดำริว่า ใคร ๆ ผู้กล่าวโทษใช่คุณของเรา