เมนู

10. สุจจชชาดก


ว่าด้วยภรรยาที่ดี


[578] พระราชาเมื่อไม่พระราชทานภูเขาด้วย
พระวาจา นับว่าไม่พระราชทานสิ่งที่ควรให้
ง่ายหนอ เมื่อพระราชาพระราชทานอะไรบ้าง
ก็ชื่อว่าได้พระราชทานภูเขาด้วยพระวาจา.
[579] คนฉลาดทำสิ่งใดก็พูดถึงสิ่งนั้น ไม่ทำ
สิ่งใดก็ไม่พูดถึงสิ่งนั้น บัณฑิตทั้งหลายย่อม
รู้จักคนที่ไม่ทำ ดีแต่พูด.
[580] ข้าแต่พระลูกเจ้า ขอนอบน้อมแด่ฝ่า-
พระบาท พระองค์ทรงประสบความพินาศ
แต่พระทัยของพระองค์ยังทรงยินดีอยู่ใน
สัจจะ พระองค์ชื่อว่าดำรงมั่นอยู่ในสัจจะ
แลธรรม.
[581] หญิงใด เมื่อสามีขัดสนก็ขัดสนด้วย
เมื่อสามีมั่งคั่งก็พลอยเป็นผู้มั่งดังมีชื่อเสียง
ด้วย หญิงนั้นแหละ นับว่าเป็นยอดภรรยา

ของเขา เมื่อสามีมีเงิน หญิงก็ย่อมมีเงิน
เหมือนกัน.
จบ สุจจชชาดกที่ 10

อรรถกถาสุจจชชาดกที่ 10


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภ
กฎุมพีคนหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า สุจชํ วต
น จชิ
ดังนี้.
ได้ยินว่า กฎุมพีนั้นคิดว่า จักสะสางหนี้สินในหมู่บ้าน จึงไป
ในหมู่บ้านนั้นพร้อมกับภรรยา ครั้นชำระสะสางแล้วคิดว่า เราจักนำ
เกวียนมาขนไปภายหลัง จึงฝากไว้ในตระกูลหนึ่ง กลับไปยังเมือง
สาวัตถีอีก ได้เห็นภูเขาลูกหนึ่งในระหว่างทาง. ครั้งนั้น ภรรยากล่าว
กะกฎุมพีนั้นว่า นาย ถ้าภูเขานี้จะพึงเป็นทองไซร้ ท่านจะให้อะไร
ฉันบ้าง. กฎุมพีกล่าวว่า เธอเป็นใคร ฉันจักไม่ให้อะไรเลย. ฝ่าย
ภรรยานั้นได้น้อยใจว่า สามีของเรานี้มีหัวใจกระด้างนัก นัยว่า เมื่อ
ภูเขาแม้เดินเป็นทองไปทั้งลูก ก็จักไม่ให้อะไรแก่เราเลย. สามีภรรยา
ทั้งสองนั้นเดินมาใกล้พระเชตวัน คิดว่าจักดื่มน้ำ จึงเข้าไปยังพระ-
วิหารดื่มน้ำ. ในเวลาปัจจุสมัยใกล้รุ่งนั้นแล แม้พระศาสดาก็ทรงได้
เห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติผลของคนทั้งสองนั้น เมื่อจะทรงรอคอยการ
มา จึงประทับนั่งในบริเวณพระคันธกุฎี ทรงเปล่งพระรัศมีมีพรรณ