เมนู

2. กัสสปมันทิยชาดก


ว่าด้วยรู้ตัวว่าผิดแล้วสารภาพผิด


[456] ข้าแต่ท่านกัสสปะ เด็กหนุ่มจะด่าแช่ง
หรือจะตีก็ตาม ด้วยขอความเป็นเด็กหนุ่ม
บัณฑิตผู้มีปัญญาย่อมอดทนความผิดที่พวก
เด็กทำแล้วทั้งหมดนั้นได้.
[547] ถ้าแม้สัตบุรุษทั้งหลายวิวาทกัน ก็กลับ
เชื่อมกันได้สนิทโดยเร็ว ส่วนคนพาลทั้ง-
หลายย่อมแตกกันเหมือนภาชนะดิน เขา
ย่อมไม่ถึงความสงบเวรกันได้เลย.
[548] ผู้ใดรู้โทษที่ตนล่วงแล้ว 1 ผู้ใดรู้แสดง
โทษ 1 คนทั้งสองนั้นย่อมพร้อมเพรียงกัน
ยิ่งขึ้น ความสนิทสนมของเขาย่อมไม่เสื่อม
คลาย.
[549] ผู้ใด เมื่อคนเหล่าอื่นล่วงเกินกัน คน
เองสามารถจะเชื่อมให้สนิทสนมได้ ผู้นั้น
แลชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐยิ่ง ผู้นำภาระไป ผู้
ทรงธุระไว้.

จบ กัสสปมันทิยชาดกที่ 2

อรรถกถากัสสปมันทิยชาดกที่ 2


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภ
ภิกษุแก่รูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อปิ
กสฺสป มนฺทิย
ดังนี้.
ได้ยินว่า ในนครสาวัตถีมีกุลบุตรผู้หนึ่งเห็นโทษในกามทั้ง
หลาย จึงบวชในสำนักของพระศาสดา ขวนขวายในพระกรรมฐาน
ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัต. จำเพียรกาลนานมา มารดาของภิกษุ
นั้นได้กระทำกาลกิริยาตาย. เมื่อมารดาล่วงลับไปแล้ว ภิกษุนั้นจึงให้
บิดาและน้องชายบวช แล้วอยู่ในพระเชตวันวิหาร ในวัสสูปนายิก-
สมัยใกล้วันเข้าพรรษา ได้ฟังว่าปัจจัยคือจีวรหาได้ง่าย จึงไปยังอาวาส
ประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทั้ง 3 รูปจำพรรษาอยู่ในอาวาสประจำหมู่
บ้านนั้น ออกพรรษาแล้วจึงกลับมายังพระเชตวันวิหารตามเดิม. ภิกษุ
หนุ่มจึงสั่งสามเณรน้องชาย ณ ที่ใกล้พระเชตวันว่า สามเณร เธอจง
ให้พระเถระแก่พักแล้วค่อยนำมา เราจะล่วงหน้าไปจัดแจงบริเวณก่อน
แล้วก็เข้าไปยังพระเชตวัน. พระเถระแก่ค่อย ๆ เดินมา. สามเณร
ทำราวกะว่าเอาศีรษะรุนอยู่บ่อย ๆ นำท่านไปโดยพลการว่า ท่านผู้-
เจริญ จงเดิน ๆ ไปเถิด. พระเถระกล่าวว่า เธอนำฉันมาเป็นแน่
จึงหวนกลับไปใหม่ แล้วเดินมาตั้งแต่ปลายทาง. เมื่อพระเถระกับ
สามเณรทำการทะเลาะกันอยู่อย่างนี้นั่นแหละ พระอาทิตย์ก็อัสดงคต
ความมืดมนอนธการก็เกิดขึ้น. ฝ่ายภิกษุหนุ่มนอกนี้ก็กวาดบริเวณตั้ง-