เมนู

3. วัฑฒกีสูกรชาดก


หมูสู้เสือได้ด้วยสามัคคีกัน


[448] ดูก่อนเสือโคร่ง วันก่อน ๆ ท่านเคย
ย่ำยีหมูทั้งหลายในประเทศนี้ แล้วนำเอาหมู
ตัวอ้วน ๆ มา บัดนี้ท่านเกิดซบเซามาแต่
ผู้เดียว ดูก่อนเสือโคร่ง ก็วันนี้กำลังกาย
ของท่านไม่มีหรือ.
[449] ได้ยินว่า วันก่อน ๆ หมูเหล่านี้เห็น
ข้าพเจ้าเข้าแล้วก็กลัว ต่างก็บ่ายหน้าหนีไป
หาที่ซ่อนเร้นคนละทิศละทาง บัดนี้ หมู
เหล่านั้นมาประชุมรวมกันเป็นหมวดเป็นหมู่
อยู่ในที่ชัยภูมิดี ยากที่ข้าพเจ้าจะย่ำยีได้.
[450] ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแก่หมู่หมูที่มา
ประชุมกัน ข้าพเจ้าได้เห็นมิตรภาพอันน่า
อัศจรรย์ควรสรรเสริญแล้ว จึงขอกล่าว
สรรเสริญไว้ หมูทั้งหลายผู้มีเขี้ยวเป็นกำลัง
ได้ชนะเสือโคร่งด้วยความสามัคคีอันใด ก็
พากันพ้นมรภัยด้วยความสามัคคีอันนั้น.

จบ วัฑฒกีสูกรชาดกที่ 3

อรรถกถาวัฑฒกีสูกรชาดกที่ 3


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
พระธนุคคหติสสเถระ จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า วรํ วรํ ตฺวํ
ดังนี้.
ได้ยินว่า พระเจ้ามหาโกศลผู้เป็นพระชนกของเจ้าปัสเสน-
ทิโกศล ได้พระราชทานนางโกศลเทวีราชธิดา แก่พระเจ้าพิมพิสาร
ได้พระราชทานบ้านกาสิกคามอันเป็นบ้านที่มีรายได้เกิดขึ้นหนึ่งแสน
ให้เป็นมูลค่าแห่งจุรณสำหรับสรงสนานแก่พระราชธิดานั้น. แต่เมื่อ
พระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระบิดา ฝ่ายพระนางโกศลเทวีถูก
ความโศกครอบงำก็ทิวงคต. ลำดับนั้น พระเจ้าปัสเสนทิโกศลทรง
พระดำริว่า พระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระบิดา ฝ่ายพระภคินี
ของเรา เมื่อพระสวามีสวรรคตแล้วก็ทิวงคต เพราะความโศก เรา
จักไม่ให้กาสิกคามแก่โจรผู้ฆ่าพ่อ. ทรงดำริฉะนั้นแล้ว ก็ไม่ยอม
ยกบ้านกาสิกคามนั้นให้พระเจ้าอชาตศัตรู. เพราะอาศัยบ้านนั้นเอง
พระราชาแม้ทั้งสองพระองค์นั้น จึงมีการรบกันตลอดเวลา. พระเจ้า
อชาตศัตรูทรงเป็นหนุ่มเข้มแข็งสามารถ ส่วนพระเจ้าปัสเสนทิโกศล
ทรงชราภาพแล้ว พระองค์จึงรบแพ้อยู่เนือง ๆ. ผู้คนแม้ของพระเจ้า
มหาโกศลก็พ่ายแพ้อยู่โดยมาก. ลำดับนั้น พระราชาตรัสถามพวก
อำมาตย์ว่า พวกเราแพ้พระเจ้าอชาตศัตรูนั้นเนือง ๆ ควรจะทำ
อย่างไรดีอำมาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ ธรรมดาพระ-