เมนู

7. โรมชาดก


ว่าด้วยอาชีวกเจ้าเล่ห์


[430] ดูก่อนปักษีผู้มีขนปีก เมื่อเรามาอยู่ใน
ถ้ำแห่งภูเขานี้กว่า 50 ปี นกพิราบทั้งหลาย
มิได้รังเกียจ เป็นผู้มีจิตเยือกเย็นเป็น
อย่างยิ่ง ย่อมพากันมาสู่บ่วงมือของเราใน
กาลก่อน.
[431] ดูก่อนท่านผู้มีอวัยวะคด บัดนี้ นก
พิราบเหล่านั้นคงจะเห็นอะไรกระมัง จึงใคร่
จะพากันไปเสพอาศัยซอกภูเขาอื่น นก
เหล่านี้ครั้งก่อนย่อมสำคัญเราอย่างไร บัดนี้
ย่อมไม่สำคัญเราอย่างนั้นหรือ หรือนกเหล่า
นี้พลัดพรากไปนานแล้วจำเราไม่ได้ หรือว่า
เป็นนกใหม่จึงไม่เข้าใกล้เรา.
[432] พวกเราเป็นผู้ไม่หลงใหล รู้อยู่ว่าท่าน
ก็คือท่านนั่นแหละ พวกเราเหล่านั้นก็ไม่ใช่
นกอื่น ก็แต่ว่าจิตของท่านเป็นจิตประทุษ-
ร้ายในชนนี้ ดูก่อนอาชีวก เพราะเหตุนั้น
พวกเราจึงหวาดกลัวท่าน.

จบ โรมชาดกที่ 7

อรรถกถาโรมชาดกที่ 7


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ความตะเกียกตะกายเพื่อจะปลงพระชนม์พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัส
เรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า วสฺสานิ ปญฺญาส สมาธิกานิ ดังนี้.
เรื่องปัจจุบันมีเนื้อความง่ายทั้งนั้น ส่วนเรื่องอดีตมีดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ใน
พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เป็นนกพิราบ อันนกพิราบเป็นอัน
มากห้อมล้อมสำเร็จการอยู่ในถ้ำแห่งภูเขาในป่า. มีดาบสรูปหนึ่งเป็น
ผู้มีศีลสมบูรณ์ด้วยอาจาระมารยาท เข้าไปอาศัยปัจจันตคามแห่งหนึ่ง
สร้างอาศรมบทอยู่ในที่ไม่ใกล้จากที่อยู่ของนกพิราบเหล่านั้น สำเร็จ
การอยู่ในบรรพตคูหา. พระโพธิสัตว์มายังสำนักของดาบสในระหว่าง ๆ
ไม่ขาด ฟังสิ่งที่ควรฟัง. พระดาบสอยู่ในที่นั้นช้านานแล้วหลีกจากไป.
ครั้งนั้น ชฎิลโกงคนหนึ่งได้มาสำเร็จการอยู่ในบรรพตคูหานั้น.
ฝ่ายพระโพธิสัตว์อันนกพิราบทั้งหลายแวดล้อม เข้าไปหาชฎิลโกงนั้น
ไหว้แล้วกระทำปฏิสันถาร เที่ยวไปในอาศรมบทหาเหยื่ออยู่ในที่ใกล้
ซอกเขา ในเวลาเย็นจึงบินไปยังที่อยู่ของตน. ดาบสโกงอยู่ในที่นั้น
ได้ 50 กว่าปี. ครั้นวันหนึ่ง ชาวบ้านปัจจันตคามได้ปรุงเนื้อ
นกพิราบถวายดาบสโกงนั้น. ดาบสโกงนั้นติดใจด้วยตัณหาความอยาก