เมนู

3. กัจฉปชาดก


ว่าด้วยลิงสัปดน


[418] ใครหนอเดินมา เหมือนบุคคลผู้รวย
อาหาร เหมือนพราหมณ์ผู้ได้ลาภมาเต็มมือ
ฉะนั้น ท่านไปเที่ยวภิกขาจารที่ไหนหนอ
ท่านเข้าไปหาผู้มีศรัทธาคนไรมา.
[419] ดูก่อนท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าเป็นลิง
ทรามปัญญา จับต้องสิ่งที่บุคคลไม่ควรจับ
ต้อง ขอพระคุณเจ้าโปรดเปลื้องข้าพเจ้าให้
พ้นทุกข์ด้วยเถิด ขอความเจริญจงมีแก
พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าพ้นจากความฉิบหายนี้
แล้วจะไปอยู่ที่ภูเขา.
[420] เต่าทั้งหลายเป็นสัตว์สืบเนื่องมาจาก
กัสสปโคตร ลิงทั้งหลายเป็นสัตว์สืบเนื่อง
มาจากโกณฑัญญโคตร ดูก่อนเต่าผู้เทือก
แถวกัสสปโคตร ท่านจงปล่อยลิงผู้เทือกแถว
โกณฑัญญโคตรเสียเถิดท่านคงเคยทำเมถุน-
ธรรมกันแล้ว.

จบ กัจฉปชาดกที่ 3

อรรถกถากัจฉปชาดกที่ 3


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภการ
สงบระงับความทะเลาะแห่งอำมาตย์ทั้งสองของพระเจ้าโกศล จึงตรัส
เรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า โก นุ วฑฺฒิตภตฺโตว ดังนี้. ก็เรื่องที่เกิดขึ้น
ในปัจจุบัน ได้กล่าวไว้แล้วในทุกนิบาตนั่นแล.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ใน
พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในแคว้น
กาสิกรัฐ พอเจริญวัยแล้ว เล่าเรียนศิลปศาสตร์ทุกอย่างในเมือง
ตักกศิลา แล้วละกามทั้งหลายออกบวชเป็นฤาษี สร้างอาศรมบทอยู่
ที่ฝั่งแม่น้ำคงคาใกล้หิมวันตประเทศ ทำอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิด
ในที่นั้นแล้วเล่นฌานสำเร็จการอยู่ในที่นั้น. ได้ยินว่า ในชาดกนี้
พระโพธิสัตว์เป็นผู้มีตนเป็นกลางอย่างยิ่ง ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมี.
เมื่อพระโพธิสัตว์นั้นนั่งอยู่ที่ประตูบรรณศาลา ลิงทุศีลซุกซนตัวหนึ่ง
มาถึงก็เอาองคชาตสอดเข้าในช่องหูทั้งสองช้าง ฝ่ายพระโพธิสัตว์ก็ไม่
ได้ห้ามวางเฉยอยู่นั่นแหละ. อยู่มาวันหนึ่ง เต่าตัวหนึ่งขึ้นมาจากน้ำ
นอนผิงแดดอ้าปากอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคา. ลิงโลเลตัวนั้นเห็นดังนั้น
จึงได้สอดองคชาตเข้าในปากของเต่านั้น. ลำดับนั้น เต่าตื่นขึ้นจึงงับ
องคชาตของลิงนั้นไว้ เหมือนกับใส่ไว้ในสมุคฉะนั้น. เวทนามีกำลัง
เกิดขึ้นแก่ลิงนั้น มันไม่สามารถจะอดกลั้นเวทนาได้จึงคิดว่า ใครหนอ