เมนู

7. คูถปาณกชาดก



หนอนท้าช้างสู้


[303] ท่านก็เป็นผู้กล้าหาญ มาพบกับเราผู้กล้า
หาญ อาจประหารได้ไม่ย่นย่อ มาซิช้าง ท่านจง
กลับมาก่อน ท่านกลัวหรือจึงได้หนีไป ขอให้
พวกคนชาวอังคะและมคธะได้เห็นความกล้าหาญ
ของเราและของท่านเถิด.
[304] เราจักไม่ต้องฆ่าเจ้าด้วยเท้า งา หรือด้วย
งวงเลย เราจักฆ่าเจ้าด้วยคูถ หนอนตัวเน่า ควร
ฆ่าด้วยของเน่าเช่นกัน.

จบ คูถปาณกชาดกที่ 7

อรรถกถาคูถปาณกชาดกที่ 7



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภภิกษุรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
สูโร สูเรน สงฺคมฺม ดังนี้.
ได้ยินว่า ในครั้งนั้นมีบ้านในนิคมแห่งหนึ่ง จากเชตวัน-
มหาวิหารประมาณโยชน์กับหนึ่งคาวุต. ที่บ้านนั้นมีสลากภัตร
และปักขิกภัตรเป็นอันมาก. มีบุรุษด้วนผู้หนึ่ง ชอบซักถาม

ปัญหาอยู่ที่บ้านนั้น. บุรุษนั้นถามปัญหาภิกษุหนุ่มและสามเณร
ที่ไปรับสลากภัตรและปักขิกภัตรว่า พวกไหนดื่ม พวกไหน
เคี้ยวกิน พวกไหนบริโภค ทำให้ภิกษุและสามเณรเหล่านั้นไม่
สามารถตอบปัญหาได้ ให้ได้อาย. ภิกษุและสามเณรทั้งหลาย
จึงไม่ไปบ้านนั้นเพื่อรับสลากภัตรและปักขิกภัตร เพราะเกรง
บุรุษด้วนนั้น. อยู่มาวันหนึ่งภิกษุรูปหนึ่งไปโรงสลากถามว่า
ท่านผู้เจริญ สลากภัตรหรือปักขิกภัตรที่บ้านโน้นยังมีอยู่หรือ
เมื่อภิกษุผู้เป็นภัตถุทเทสก์กล่าวว่า ยังมีอยู่ ท่าน แต่ที่บ้านนั้น
มีบุรุษด้วนคนหนึ่ง คอยถามปัญหา ด่าว่าภิกษุสามเณรที่ไม่
สามารถแก้ปัญหาได้ จึงไม่มีใครอยากไปเพราะเกรงบุรุษด้วนนั้น
จึงกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ขอจงให้ภัตรที่บ้านนั้นถึงผมเถิด ผม
จักทรมานบุรุษนั้น ทำให้หมดพยศ จะทำให้หนีไปเพราะเห็นผม
ตั้งแต่นั้นเลย. ภิกษุทั้งหลายรับว่า ดีละ จะให้ภัตรที่บ้านนั้น
ถึงแก่ท่าน ภิกษุนั้นจึงไปที่บ้านนั้นห่มจีวรที่ประตูบ้าน. บุรุษ
ด้วนเห็นภิกษุนั้น ก็ปรี่เข้าไปหาดังแพะดุ กล่าวว่า สมณะจงแก้
ปัญหาของข้าพเจ้าเถิด. ภิกษุนั้นกล่าวว่า อุบาสก ขอให้อาตมา
เที่ยวบิณฑบาตในบ้านรับข้าวยาคูมาศาลานั่งพักเสียก่อนเถิด.
บุรุษด้วนเมื่อภิกษุนั้นรับข้าวยาคู แล้วมาสู่ศาลานั่งพัก ก็ได้
กล่าวเหมือนอย่างนั้น. ภิกษุนั้นก็ผัดว่า ขอดื่มข้าวยาคูก่อน
ขอกวาดศาลานั่งพักก่อน ขอรับสลากภัตรมาก่อน ครั้นรับสลาก
ภัตรแล้ว จึงให้บุรุษนั้นถือบาตร กล่าวว่า ตามมาเถิด เราจัก

แก้ปัญหาท่าน พาไปนอกบ้าน จีบจีวรพาดบ่า รับบาตรจากมือ
ของบุรุษนั้น ยืนอยู่. บุรุษนั้นกล่าวเตือนว่า สมณะจงแก้ปัญหา
ของข้าพเจ้า. ภิกษุกล่าวว่า เราจะแก้ปัญหาของท่าน แล้วผลัก
โครมเดียวล้มลง โบยตีดังจะบดกระดูกให้ละเอียด เอาคูถยัดปาก
ขู่สำทับว่า คราวนี้ตั้งแต่นี้ไป เราจะคอยสืบรู้ในเวลาที่ถาม
ปัญหาไร ๆ กะภิกษุที่มาบ้านนี้. ตั้งแต่นั้นบุรุษด้วนเห็นภิกษุ
แล้วก็หนี. ครั้นต่อมา การกระทำของภิกษุนั้นได้ปรากฏขึ้นใน
หมู่สงฆ์. ภิกษุทั้งหลาย จึงประชุมสนทนากันในโรงธรรมว่า
ดูก่อนอาวุโส ได้ยินว่า ภิกษุรูปโน้น เอาคูถใส่ปากบุรุษด้วน
แล้วก็ไป. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุเหล่านั้น
กราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
นั้นจะรุกรานบุรุษด้วนด้วยคูถในบัดนี้เท่านั้นก็หาไม่ แม้เมื่อก่อน
ก็ได้รุกรานแล้วเหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลชาวอังคะและมคธทั้งหลาย ต่างก็ไปมาหาสู่
ยังแว่นแคว้นของกันและกัน. วันหนึ่งต่างเข้าไปอาศัยบ้านหลัง
หนึ่งที่พรมแดนของรัฐทั้งสอง ดื่มสุรา กินปลาเนื้อกันแล้ว ก็
เทียมยานออกเดินทางแต่เช้าตรู่. ในเวลาที่ชนเหล่านั้นไปกันแล้ว
หนอนกินคูถตัวหนึ่งได้กลิ่นคูถจึงมา เห็นสุราที่เขาทิ้งไว้ตรงที่
นั่งกัน จึงดื่มด้วยความกระหาย ก็เมาไต่ขึ้นบนกองคูถ. คูถสด ๆ
ก็ยุบลงหน่อยหนึ่ง เมื่อหนอนไต่ขึ้นไป. หนอนนั้นก็ร้องว่า

แผ่นดินทานตัวเราไปไม่ได้. ขณะนั้นเองช้างตกมันตัวหนึ่งมาถึง
ที่นั้นได้กลิ่นคูถแล้วรังเกียจก็หลีกไป. หนอนเห็นช้างนั้นแล้ว
เข้าใจว่า ช้างนี้กลัวเราจึงหนีไป เราควรจะทำสงครามกับช้าง
นี้จึงร้องเรียกช้างนั้น กล่าวคาถาแรกว่า :-
ท่านก็เป็นผู้กล้าหาญ มาพบกับเราผู้กล้า
หาญ อาจประหารได้ไม่ย่นย่อ มาซิช้าง ท่านจง
กลับมาก่อน ท่านกลัวหรือจึงได้หนีไป ขอให้
พวกชาวอังคะและมคธะได้เห็นความกล้าหาญ
ของเราและของท่านเถิด.

เนื้อความแห่งคาถานี้ว่า ท่านก็เป็นผู้กล้าหาญมาพบกับ
เราผู้กล้าหาญ ผู้ไม่ย่อท้อทางความเพียร บากบั่น เป็นนักต่อสู้
เพราะสามารถในทางสู้รบ เหตุใดจึงไปเสียไม่ประสงค์การ
สงครามเล่า. การประหารกันสักทีเดียว ก็ควรกระทำมิใช่หรือ.
เพราะฉะนั้น ดูก่อนช้าง จงมาเถิด จงกลับก่อน ท่านกลัวตาย
ด้วยเหตุเพียงเท่านั้น จะกลัวหนีไปเทียวหรือ ชาวอังคะและมคธ
ทั้งหลายผู้อยู่พรมแดนนี้ จงคอยดูความเก่งกาจ ความทรหด
อดทนของเราและของท่าน. ช้างนั้นแผดเสียงร้องได้ฟังคำของ
หนอนนั้นแล้ว จึงกลับไปหาหนอน เมื่อจะรุกรบหนอนนั้น ได้
กล่าวคาถาที่ 2 ว่า

เราจักไม่ต้องฆ่าเจ้าด้วยเท้า งา หรือด้วย
งวงเลย เราจักฆ่าเจ้าด้วยคูถ หนอนตัวเน่า ควร
ฆ่าด้วยของเน่าเช่นกัน.

เนื้อความแห่งความคาถานั้นว่า เราจักไม่ฆ่าเจ้าด้วยเท้า
เป็นต้น แต่เราจักฆ่าเจ้าด้วยคูถจึงสมควรแก่เจ้า ก็และครั้นช้าง
กล่าวอย่างนี้แล้ว จึงกล่าวต่อไปว่า สัตว์กินคูถเน่า ควรตายด้วย
ของเน่า.
ช้างจึงถ่ายคูถก้อนใหญ่ลงบนหัวหนอนนั้นแล้วถ่ายปัสสาวะ
รดยังหนอนให้ถึงแก่ความตายในที่นั้นเอง แผดเสียงเข้าป่าไป.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม
ชาดก. ตัวหนอนในครั้งนั้นได้เป็นบุรุษด้วนในครั้งนี้ ช้างได้เป็น
ภิกษุรูปนั้น ส่วนเทวดาผู้เกิดในไพรสณฑ์นั้น เห็นเหตุนั้นโดย
ประจักษ์ คือ เราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถาคูถปาณกชาดกที่ 7

8. กามนีตชาดก



ผู้ถูกโรครักครอบงํารักษายาก


[305] เราปรารถนาระหว่างเมืองทั้ง 3 คือ เมือง
ปัญจาละ 1 เมืองกุรุยะ 1 เมืองเกกกะ 1 ดูก่อน
ท่านพราหมณ์ เราปรารถนาราชสมบัติทั้ง 3
เมืองนั้นมากกว่าสมบัติที่เราได้แล้วนี้ ดูก่อน
พราหมณ์ ขอให้ท่านช่วยรักษาเราผู้ถูกความ
ใคร่ครอบงำด้วยเถิด.
[306] อันที่จริง เมื่อบุคคลถูกงูเห่ากัด หมอ
บางคนก็รักษาได้ อนึ่ง บุคคลถูกผีเข้าสิง หมอ
ผู้ฉลาดก็ไล่ออกได้ แต่บุคคลผู้ถูกความใคร่
ครอบงำแล้ว ใคร ๆ ก็รักษาไม่หาย เพราะว่า
เมื่อบุคคลล่วงเลยธรรมขาวเสียแล้ว จะรักษา
ได้อย่างไร.

จบ กามนีตชาดกที่ 8

อรรถกถากามนีตชาดกที่ 8



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภพราหมณ์ชื่อ กามนีตะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ
เริ่มต้นว่า ตโย คิรึ ดังนี้.