เมนู

6. มัจฉชาดก



ไฟราคะร้อนกว่าไฟอย่างอื่น


[281] ไฟนี้ก็ไม่เผาเราให้เร่าร้อน แม้หลาวที่
นายพรานแหเสี้ยมเป็นอย่างดีแล้ว ก็ไม่ยังความ
ทุกข์ให้เกิดขึ้นแก่เรา แต่การที่นางปลาเข้าใจว่า
เราไปหานางปลาตัวอื่นด้วยความยินดี อันนี้แหละ
จะเผาเราให้เร่าร้อน.
[282] ไฟคือราคะนั้นแลย่อมเผาเราให้เร่าร้อน
อนึ่ง จิตของเราเองย่อมเผาเราให้เร่าร้อน พราน
แหทั้งหลาย ขอได้ปล่อยเราเถิด สัตว์ผู้ตกยาก
อยู่ในกาม ท่านไม่ควรฆ่าโดยแท้.

จบ มัจฉชาดกที่ 6

อรรถกถามัจฉชาดกที่ 6



พระศาสดาเมื่อประ ทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภการเล้าโลมของภรรยาเก่า ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ
เริ่มต้นว่า น มายมคฺคิ ตปติ ดังนี้.
เรื่องย่อมีว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ
ได้ยินว่า เธอกระสันจริงหรือ ภิกษุนั้นกราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า

ตรัสถามว่า ใครทำให้เธอกระสัน กราบทูลว่า ภรรยาเก่า
พระเจ้าข้า. ลําดับนั้นพระศาสดาตรัสกะภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ
หญิงนี้ทำความเสื่อมเสียให้แก่เธอ แม้เมื่อก่อนเธออาศัยหญิงนี้
ถึงกับถูกเสียบด้วยหลาวย่างในถ่านเพลิง ถูกกินเนื้อ ได้อาศัย
บัณฑิตจึงรอดชีวิตมาได้ แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นปุโรหิตของพระราชา. อยู่
มาวันหนึ่งชาวประมงยกปลาที่ติดตาข่ายตัวหนึ่ง วางไว้หลังหาด
ทรายอันร้อน เสี้ยมหลาวด้วยคิดว่าจะปิ้งปลานั้นที่ถ่านเพลิง
แล้วเคี้ยวกิน. ปลาร้องรำพันถึงนางปลา ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :-
ไฟนี้ก็ไม่เผาเราให้เร่าร้อน แม้หลาวที่
พรานแหเสี้ยมเป็นอย่างดีแล้วก็ไม่ยังความทุกข์
ให้เกิดขึ้นแก่เรา แต่การที่นางปลาเข้าใจว่า เรา
ไปหานางปลาตัวอื่นด้วยความยินดี อันนี้จะเผา
เราให้เร่าร้อน. ไฟคือราคะนั้นแล ย่อมเผาเรา
ให้เร่าร้อน พรานแหทั้งหลาย ขอได้ปล่อยเราเถิด
สัตว์ผู้ตกยากอยู่ในกาม ท่านไม่ควรฆ่า.

ในบทเหล่านั้น บทว่า น มายมคฺคิ ความว่า ไฟนี้ย่อมไม่
เผาเรา คือไม่ทำให้เราเร่าร้อน ไม่ทำให้เราเศร้าโศก. บทว่า
น สูโล คือ แม้หลาวนี้พรานแหเสี้ยมไว้อย่างดีก็ไม่เผาเรา คือ

ไม่ยังความโศกให้เกิดแก่เรา. บทว่า ยญฺจ มํ มญฺญเต มจฺฉี
ความว่า แต่นางปลาเข้าใจเราอย่างนี้ว่า เราไปหานางปลาอื่น
ด้วยความยินดีในกามคุณห้า นั่นแหละทำให้เราเร่าร้อน ทำให้เรา
เศร้าโศก เผาเรา. บทว่า โส มํ ทหติ ความว่า ไฟคือราคะนั้น
ย่อมเผาเรา. บทว่า จิตฺตญฺจูปตเปติ มํ ความว่า จิตของเรา
ประกอบด้วยราคะ ทำให้เราเร่าร้อน ลำบาก. บทว่า ชาลิโน
เรียกชาวประมง. ด้วยว่าชาวประมงเหล่านั้น ท่านเรียกว่า
ชาลิโน เพราะมีตาข่าย. บทว่า มุญฺจถยิรา ได้แก่ ปลาอ้อนวอน
ว่า ข้าแต่นาย โปรดปล่อยข้าพเจ้าเถิด. บทว่า น กาเม หญฺญเต
กฺวจิ
ความว่า สัตว์ที่ตั้งอยู่ในกาม ถูกกามชักนำไป ไม่ควรฆ่า
โดยแท้. ปลารำพันว่า คนเช่นท่านไม่ควรฆ่าปลานั้นเลย. อนึ่ง
ปลาผู้ติดตามหานางปลา เพราะเหตุกาม คนเช่นท่านควรฆ่า
โดยแท้.
ในขณะนั้นพระโพธิสัตว์ไปถึงฝั่ง ได้ยินปลานี้รำพัน จึง
เข้าไปหาชาวประมงให้ปล่อยปลานั้นไป.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศ
สัจธรรม ทรงประชุมชาดก. เมื่อจบสัจธรรม ภิกษุกระสัน
ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล นางปลาในครั้งนั้น ได้เป็นภรรยาเก่า
ในครั้งนี้ ภิกษุกระสันได้เป็นปลา ส่วนปุโรหิต คือ เราตถาคต
นี้แล.
จบ อรรถกถามัจฉชาดกที่ 6

7. เสคคุชาดก



การได้รับทุกข์จากผู้เป็นที่พึ่ง



[283] สัตว์โลกทั้งปวง เป็นผู้พอใจในการเสพ
กาม ดูก่อนนางเสคคุ เจ้าเป็นผู้ไม่ฉลาดในธรรม
ของชาวบ้าน ความที่เจ้าเป็นนางกุมารีถูกบิดา
จับมือในป่าชัฏ ร้องไห้อยู่ในวันนี้เป็นธรรมดา.
[284] เมื่อฉันได้รับทุกข์แล้ว ผู้ใดพึงเป็นที่พึ่ง
ได้ ผู้นั้นคือบิดาของฉัน กลับมากระทำมิดีมิร้าย
ฉันในป่า ฉันจะคร่ำครวญหาใครในกลางป่าอีก
เล่า ผู้ใดเป็นที่พึ่งได้ ผู้นั้นกลับมาทำฉันถึงสาหัส.

จบ เสคคุชาดกที่ 7

อรรถกถาเสคคุชาดกที่ 7



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภอุบาสกผู้ขายผักผู้หนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ
เริ่มต้นว่า สพฺโพ โลโก ดังนี้. เรื่องราวพิสดารอยู่ในเอกนิบาต
นั้นแล้ว.
แม้ในทุกนิบาตนี้ พระศาสดาตรัสถามอุบาสกนั้นว่า ดูก่อน
อุบาสก ทำไมหายไปนานนัก. อุบาสกกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์