เมนู

10. กันทคลกชาดก



นกหัวขวานตายเพราะไม้แก่น


[269] ดูก่อนผู้เจริญ ต้นไม้ที่มีใบละเอียดมี
หนามนี้เป็นต้นไม้อะไร เราเจาะเพียงครั้งเดียว
ทำให้สมองศีรษะแตกได้.
[270] นกกันทคลกะตัวนี้ เมื่อเจาะหมู่ไม้อยู่ใน
ป่า ได้เคยเที่ยวเจาะแต่ไม้แห้งที่ไม่มีแก่น ภาย
หลังมาพบเอาต้นตะเคียนซึ่งมีกำเนิดเป็นไม้แก่น
อันเป็นที่ทำลายสมองศีรษะ.

จบ กันทคลชาดกที่ 10

อรรถกถากันทคลกชาดกที่ 10



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภภิกษุเลียนเอาอย่างพระสุคต ตรัสพระธรรมเทศนานี้
มีคำเริ่มต้นว่า อมฺโภ โกนามยํ ลุทฺโท ดังนี้.
เรื่องย่อมีอยู่ว่า ในครั้งนั้นพระศาสดาทรงสดับว่า พระ-
เทวทัตได้เลียนเอาอย่างพระสุคต จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เทวทัตเลียนอย่างเรา ถึงความพินาศ มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้
เมื่อก่อนเทวทัตก็ได้ถึงความพินาศมาแล้ว ทรงนำเรื่องอดีต
มาตรัสเล่า.

ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดนกหัวขวาน ใน
หิมวันตประเทศ. เที่ยวหาอาหารในป่าไม้ตะเคียน. นกหัวขวาน
นั้นมีชื่อว่าขทิรวนิยะ. มีนกสหายตัวหนึ่ง ชื่อกันทคลกะ. นก
กันทคลกะเที่ยวหากินอยู่ในป่าไม้ทองหลาง. วันหนึ่งนกกันทคลกะ
ได้ไปหานกขทิรวนิยะ. นกขทิรวนิยะดีใจว่าสหายของเรามาแล้ว
จึงพานกกันทคลกะเข้าไปยังป่าไม้ตะเคียน ใช้จงอยปากเคาะ
ลำต้นตะเคียน ได้ตัวสัตว์ออกจากต้นไม้นั้นมาให้. นกกันทคลกะ
จิกกินสัตว์ที่สหายให้แล้ว ๆ เล่า ๆ ดุจขนมอร่อย. เมื่อนก
กันทคลกะจิกกินอยู่นั้น จึงเกิดมานะขึ้นว่า นกขทิรวนิยะแม้นี้
ก็เกิดในกำเนิดนกหัวขวาน แม้เราก็เกิดในกำเนิดเดียวกัน ทำไม
เราจะต้องอาศัยเหยื่อที่เขาให้เล่า เราจักหาเหยื่อในป่าตะเคียน
เอง.
นกกันทคลกะกล่าวกะนกขทิรวนิยะว่า สหายท่าน อย่า
ลำบากเลย เรานี่แหละจักหากินในป่าตะเคียนเอง. ลำดับนั้น
นกขทิรวนิยะ จึงกล่าวว่า ดูก่อนสหายท่าน ด้วยการหากินใน
ป่าไม้ไม่มีแก่น เช่นไม้งิ้วและไม้ทองหลางเป็นต้น ส่วนไม้ตะเคียน
เป็นไม้แก่นแข็ง จะทำอย่างนั้นรู้สึกไม่พอใจเราเลย. นกกันทคลกะ
กล่าวว่า เรามิได้เกิดในกำเนิดนกหัวขวานดอกหรือ ไม่เชื่อคำ
ของนกขทิรวนิยะ ผลุนผลันไป เอาจงอยเคาะต้นตะเคียน. ทันใด

นั้นเองจงอยปากของนกกันทคลกะหักทันที ตาทะเล้น หัวแตก
ไม่อาจจับอยู่บนยอดไม้นั้นได้ ตกลงพื้นดิน กล่าวคาถาแรกว่า :-
ดูก่อนผู้เจริญ ต้นไม้ที่มีใบละเอียด มี
หนามนี้เป็นต้นไม้อะไร เราเจาะเพียงครั้งเดียว
ทำให้สมองศีรษะแตกได้.

ในบทเหล่านั้น บทว่า อมฺโภ โก นามยํ รุกฺโข ความว่า
ดูก่อนนกขทิรวนิยะผู้เจริญ ต้นไม้นี้ชื่อไม้อะไร. บาลีว่า โกนามโส
บ้าง. บทว่า สินฺนปตฺโต คือ ใบละเอียด. บทว่า ยตฺถ เอกปฺปหาเรน
ได้แก่ ด้วยการเจาะครั้งเดียวที่ต้นไม้. บทว่า อุตฺตมงฺคํ วิสาฏิตํ
ได้แก่ หัวแตก ไม่เพียงหัวเท่านั้น แม้จงอยปากก็หัก. นกกันทคลกะ
ไม่สามารถจะรู้จักต้นตะเคียนว่า เป็นต้นอะไร เพราะเจ็บปวดมาก
ได้รับเวทนาจึงพร่ำเพ้อด้วยคาถานี้.
นกขทิรวนิยะฟังคำเพ้อของนกกันทคลกะ แล้วจึงกล่าว
คาถาที่ 2 ว่า :-
นกกันทคลกะ เมื่อเจาะหมู่ไม้อยู่ในป่า
ได้เคยเที่ยวเกาะแต่ไม้แห้งที่ไม่มีแก่น ภายหลัง
มาพบเอาต้นตะเคียนซึ่งมีกำเนิดเป็นไม้แก่นอัน
เป็นที่ทำลายสมองศีรษะ.

ในบทเหล่านั้น บทว่า อจาริ วตายํ ได้แก่ นกกันทคลกะ
นี้ได้เที่ยวไป. บทว่า วิตุทํ วนานิ ความว่า เจาะ คือจิกไม้ไม่มีแก่น

เช่นงิ้ว ทองหลาง เป็นต้น. บทว่า กฏฺฐงฺครุกฺเขสุ ได้แก่ ไม้แห้ง.
บทว่า อสารเกสุ ได้แก่ ไม้ไม่มีแก่น มีทองหลางและงิ้วเป็นต้น.
บทว่า อถาสทา ขทิรํ ชาตสารํ ความว่า ภายหลังมาพบต้นตะเคียน
มีแก่นออกมาตั้งแต่ยังเล็ก. บทว่า ยตฺถพฺภิทา ในบทว่า ยตฺถพฺ-
ภิทา คุรุโฬ อุตฺตมงฺคํ
ได้แก่ เจาะคือจิกที่ต้นไม้ใด.
นกขทิรวนิยะ พูดกะนกกันทคลกะนั้นว่า ดูก่อนกันทคลกะ
ผู้เจริญ ต้นตะเคียนนี้เป็นไม้แก่นที่ทำลายสมองศีรษะ. นก-
กันทคลกะได้ถึงแก่ความตายในที่นั้นเอง.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม
ชาดก. กันทคลกะในครั้งนั้น ได้เป็นเทวทัตในครั้งนี้ ส่วนนก
ขทิรวนิยะ คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถากันทคลกชาดกที่ 10

รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ


1. พันธนาคารชาดก 2. เกฬิสิลชาดก 3. ขันธปริตต-
ชาดก 4. วีรกชาดก 5. คังเคยยชาดก 6. กุรุงคมิคชาดก
7. อัสสกชาดก 8. สุงสุมารชาดก 9. กักกรชาดก 10. กัน-
ทคลกชาดก.
จบ นตังทัฬหวรรคที่ 6