เมนู

5. คังเคยยชาดก



ว่าด้วยผู้ชอบโอ้อวด


[259] ปลาชื่อคังเคยยะก็งาม และปลาชื่อยมุนา
ก็งาม แต่บุรุษ 4 เท้า มีปริมณฑลเพียงดังต้นไทร
มีคอยาวหน่อยหนึ่ง ผู้นี้ ย่อมรุ่งเรืองยิ่งกว่าใคร
ทั้งหมด.
[260] ท่านไม่บอกเหตุที่เราถาม เราถามอย่าง
หนึ่งท่านบอกเสียอย่างหนึ่ง คนสรรเสริญตนเอง
นี้ไม่ชอบใจเราเลย.

จบ คังเคยยชาดกที่ 5

อรรถกถาคังเคยยชาดกที่ 5



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภภิกษุผู้เป็นสหายสองรูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ
เริ่มต้นว่า โสภนฺติ มจฺฉา คงฺเคยฺยา ดังนี้.
ได้ยินว่า ภิกษุทั้งสองนั้นเป็นกุลบุตรชาวเมืองสาวัตถี
บวชในศาสนาแล้ว มิได้บำเพ็ญอสุภภาวนา ชอบสรรเสริญรูป
เที่ยวพร่ำเพ้อแต่เรื่องรูป. วันหนึ่ง ภิกษุทั้งสองนั้นเกิดทุ่มเถียง
กันเรื่องรูปว่า ท่านงาม เราก็งาม เห็นพระเถระแก่รูปหนึ่งนั่ง

อยู่ไม่ไกล พูดว่า พระเถระรูปนี้จักรู้ว่าเรางามหรือไม่งาม จึง
เข้าไปหาท่านถามว่า ท่านขอรับ ผมทั้งสองนี้ใครงาม. พระเถระ
ตอบว่า เรานี้แหละงามกว่าพวกท่าน. ภิกษุหนุ่มทั้งสองรูป
คิดว่า หลวงตาแก่รูปนี้ไม่ตอบคำที่เราถาม กลับตอบคำที่เรา
ไม่ได้ถาม จึงบริภาษแล้วหลีกไป. กิริยาของภิกษุสองรูปนั้น
ได้ปรากฏในหมู่สงฆ์.
อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันในโรงธรรม
ว่า ได้ข่าวว่า พระเถระผู้เฒ่าได้ทำให้ภิกษุหนุ่มอวดรูปโฉม
ทั้งสองนั้นได้อาย. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อกราบทูล
ให้ทรงทราบแล้วจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหนุ่ม
สองรูปนี้มิใช่ยกยอรูปแต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อน เธอทั้งสอง
ก็เที่ยวพร่ำเพ้อรูปเหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นรุกขเทวดาอยู่ที่ฝั่งคงคา.
ครั้งนั้นมีปลาสองตัวอยู่แม่น้ำคงคาตัวหนึ่ง อยู่แม่น้ำยมุนาตัวหนึ่ง
ทุ่มเถียงกันเรื่องรูป ณ ที่แม่น้ำคงคาและยมุนามาบรรจบกันว่า
เรางาม ท่านซิไม่งาม เห็นเต่าเกาะอยู่ที่แม่น้ำคงคา ไม่ไกลจาก
ที่นั้นเท่าไร คิดกันว่า เต่านี้คงจักรู้ว่า พวกเรางามหรือไม่งาม
จึงเข้าไปหาเต่านั้น แล้วถามว่า เต่าผู้เป็นสหาย ปลาตัวที่อยู่
แม่น้ำคงคางามหรือปลาตัวที่อยู่แม่น้ำยมุนางาม. เต่าตอบว่า

ปลาตัวที่อยู่แม่น้ำคงคาก็งาม ตัวที่อยู่แม่น้ำยมุนาก็งาม แต่เรา
งามยิ่งกว่าเจ้าทั้งสองเสียอีก เมื่อจะประกาศความนี้ จึงกล่าว
คาถาแรกว่า :-
ปลาชื่อคังเคยยะก็งาม และปลาชื่อว่า ยมุนา
ก็งาม แต่บุรุษ 4 เท้ามีปริมณฑลเพียงดังต้นไทร
มีคอยาวหน่อยหนึ่งผู้นี้ ย่อมรุ่งเรืองกว่าใคร
ทั้งหมด.

ในบทเหล่านั้น บทว่า จตุปฺปทายํ พระเถระกล่าวหมายถึง
ตัวท่านเองว่า บุรุษผู้นี้มี 4 เท้า. บทว่า นิโคฺรธปริมณฺฑโล คือ
มีปริมณฑลเพียงดังต้นไทรที่เกิดดีแล้ว. บทว่า อีสกายตคีโว
คือมีคอยาวดุจงอนรถ. บทว่า สพฺเพว อติโรจติ ความว่า เต่า
ผู้สมบูรณ์ด้วยทรวดทรงกล่าวว่า ผู้นี้ย่อมรุ่งเรืองยิ่งกว่าใคร
ทั้งหมด คือเรานี่แหละงามเกินพวกท่านทั้งหมด.
ปลาฟังคำเต่าแล้วกล่าวว่า เจ้าเต่าชั่วพ่อตัวดี เจ้าไม่
ตอบคำที่เราถามกลับไปตอบเป็นอย่างอื่นเสียนี่ แล้วกล่าวคาถา
ที่ 2 ว่า :-
ท่านไม่บอกเหตุที่เราถาม เราถามอย่าง
หนึ่งท่านบอกเสียอย่างหนึ่ง คนสรรเสริญตนเอง
นี้ ไม่ชอบใจเราเลย.

ในบทเหล่านั้น บทว่า อตฺตปฺปสํสโก ได้แก่ คนชอบ
สรรเสริญตัวเอง คือ ยกย่องตัวเอง. บทว่า นายํ อสฺมาก รุจฺจติ

ความว่า เต่าชั่วตัวนี้ ไม่ชอบใจ คือไม่พอใจเราเลย.
ปลาทั้งสองตัวพ่นน้ำใส่เต่าแล้วก็ได้ไปยังที่อยู่ของตน
ตามเดิม.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วทรงประชุม
ชาดก. ปลาสองตัวในครั้งนั้นได้เป็นภิกษุหนุ่มสองรูปในครั้งนี้
เต่าได้เป็นภิกษุแก่ ส่วนรุกขเทวดาผู้เกิดที่ฝั่งคงคาผู้เห็นเหตุการณ์
โดยตลอด คือ เราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถาคังเคยยชาดกที่ 5

6. กุรุงคมิคชาดก



ว่าด้วยการร่วมมือกัน


[261] ดูก่อนเต่า เราขอเตือน ท่านจงกัดบ่วงอัน
มีเกลียวแข็งด้วยฟัน เราจักทำอุบายไม่ให้นาย
พรานมาถึงเร็วได้.
[262] เต่าก็ลงน้ำไป กวางก็เข้าป่าไป นก
สตปัตตะไปถึงต้นไม้แล้ว ก็พาลูก ๆ ไปอยู่ใน
ที่ห่างไกล.

จบ กุรุงคมิคชาดกที่ 6

อรรถกถากุรุงคมิคชาดกที่ 6



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภพระเทวทัต ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
อิงฺฆ วทฺธมยํ ปาสํ ดังนี้.
ความย่อมีอยู่ว่า ในครั้งนั้นพระศาสดาทรงสดับว่า พระ-
เทวทัตพยายามจะปลงพระชนม์พระองค์ จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เทวทัตพยายามจะปลงชีวิตของเรา มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น
แม้เมื่อก่อนก็พยายามเหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือกำเนิดเป็นกวางอาศัยอยู่ที่