เมนู

8. กัจฉปชาดก



ว่าด้วยเต่า


[205] เราเกิดที่นี่ เติบโตที่นี่ เพราะเหตุนี้ เรา
จึงได้อาศัยอยู่ที่เปือกตม เปือกตมกลับทับถม
เราให้ทุรพล ดูก่อนท่านภัคควะ เพราะเหตุนั้น
ข้าพเจ้าจะขอกล่าวกะท่าน ขอท่านจงฟังคำของ
ข้าพเจ้าเถิด.
[206] บุคคลได้รับความสุขในที่ใด จะเป็นใน
บ้านหรือในป่าก็ตาม ที่นั้นเป็นที่เกิด เป็นที่เติบโต
ของบุรุษผู้ร้จักเหตุผล บุคคลพึงเป็นอยู่ได้ในที่ใด
ก็พึงไปที่นั้น ไม่พึงให้ที่อยู่ฆ่าตนเสีย.

จบ กัจฉปชาดกที่ 8

อรรถกถากัจฉปชาดกที่ 8



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรง
ปรารภผู้รอดจากอหิวาตกโรคคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนา
นี้มีคำเริ่มต้นว่า ชนิตํ เม ภวิตํ เม ดังนี้.
มีเรื่องเล่าว่าที่กรุงสาวัตถี ได้เกิดอหิวาตกโรคขึ้นใน
ตระกูลหนึ่ง. มารดาบิดาจึงบอกแก่บุตรว่า ลูก เจ้าอย่าอยู่ใน

เรือนนี้เลย จงพังฝาหนีไปเสียในที่ใดที่หนึ่ง รักษาชีวิตไว้ภายหลัง
จึงค่อยกลับมา ขุดทรัพย์ซึ่งฝังไว้มีอยู่ในที่นี้ แล้วเก็บทรัพย์ไว้
เลี้ยงชีพให้เป็นสุขเถิด. บุตรรับคำของมารดาบิดาแล้วพังฝา
หนีไป เมื่อโรคของตนหายดีแล้วจึงกลับมาขุดเอาทรัพย์ที่ฝังไว้
อยู่ครองเรือนอย่างเป็นสุข. วันหนึ่งเขาให้คนถือเนยใสและ
น้ำมัน ผ้า เครื่องนุ่งห่มเป็นต้น ไปวิหารเชตวัน ถวายบังคม
พระศาสดาแล้วนั่ง. พระศาสดาทรงทำปฏิสันถารกับเขาแล้ว
ตรัสถามว่า ได้ยินว่า อหิวาตกโรคเกิดขึ้นในเรือนของท่าน
ท่านทำอย่างไรจึงรอดมาได้. เขาได้กราบทูลเรื่องราวนั้นให้
ทรงทราบ. พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนอุบาสก แม้แต่ก่อนชน
เหล่าใด เมื่อภัยเกิดขึ้นทำความอาลัยในที่อยู่ของตน ไม่ยอมไป
อยู่ที่อื่น ชนเหล่านั้นถึงสิ้นชีวิต แต่ชนเหล่าใดไม่ทำความอาลัย
ไปอยู่เสียที่อื่น ชนเหล่านั้นรอดชีวิตแล้วทรงนำเรื่องในอดีต
มาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลช่างหม้อใกล้หมู่บ้าน
แห่งหนึ่ง ทำการปั้นหม้อเลี้ยงบุตรภรรยา. ในครั้งนั้น ใกล้
กรุงพาราณสี ได้มีสระใหญ่ต่อเนื่องเป็นอันเดียวกับแม่น้ำใหญ่
สระนั้นมีน้ำไหลถึงกันกับแม่น้ำในคราวน้ำมาก. เมื่อน้ำน้อย
ก็แยกกัน. ปลาและเต่าย่อมรู้ว่า ปีนี้ฝนดี ปีนี้ฝนแล้ง. ครั้นต่อมา
ปลาและเต่าที่เกิดในสระนั้นรู้ว่า ในปีนี้ฝนจะแล้ง ครั้นถึงเวลา

น้ำไหลต่อเนื่องกันเป็นอันเดียว จึงพากันออกจากสระไปสู่แม่น้ำ.
แต่เต่าตัวหนึ่ง ไม่ยอมไปด้วยคิดเสียว่านี้เป็นที่เกิดของเรา เป็น
ที่เติบโตของเรา เป็นที่ที่พ่อแม่ของเราเคยอยู่ เราไม่อาจจะละ
ที่นี้ไปได้. ครั้นถึงคราวหน้าแล้ง น้ำแห้งผาก. เต่านั้นขุดคุ้ยดิน
เข้าไปอยู่ในที่ที่ขนดินของพระโพธิสัตว์. พระโพธิสัตว์ได้ไป
ณ ที่นั้นด้วยประสงค์ว่าจักเอาดิน จึงเอาจอบใหญ่ขุดดิน สับถูก
เต่าแล้วเอาจอบงัดมันขึ้นคล้ายก้อนดินทิ้งกลิ้งอยู่บนบก. เต่า
นั้นได้รับเวทนา จึงพูดคร่ำครวญว่า เราไม่อาจละที่อยู่ได้จึงถึง
ความพินาศอย่างนี้ แล้วได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :-
เราเกิดที่นี่ เติบโตที่นี่ เพราะเหตุนี้ เรา
จึงได้อาศัยอยู่ที่เปือกตม เปือกตมกลับทับถมเรา
ให้ทุรพล ดูก่อนท่านภัคควะ เพราะเหตุนั้น
ข้าพเจ้าจะขอกล่าวกะท่าน ขอท่านจงฟังคำของ
ข้าพเจ้าเถิด บุคคลได้รับความสุขในที่ใด จะเป็น
ในบ้านหรือในป่าก็ตาม ที่นั้นเป็นที่เกิด เป็นที่
เติบโตของบุรุษผู้รู้จักเหตุผล บุคคลพึงเป็นอยู่
ได้ในที่ใดก็พึงไปในที่นั้น ไม่พึงให้ที่อยู่ฆ่าตน
เสีย.

ในบทเหล่านั้น บทว่า ชนิตํ เม ภวิตํ เม ได้แก่ นี้เป็นที่เกิด
ของเรา นี้เป็นที่เติบโตของเรา. บทว่า อิติ ปงฺเก อวสฺสยึ ความ

ว่า เราอาศัย คือ นอน คือสำเร็จการอยู่ในเปือกตมนี้ เพราะเหตุนี้.
บทว่า อชฺฌภวิ ได้แก่ ครอบงำคือให้ถึงความพินาศ. เรียก
ช่างหม้อว่า ภัคควะ ภัคควะนี้เป็นบัญญัตินามและโคตรของ
ช่างหม้อ. บทว่า สุขํ ได้แก่ ความสบายทางกายและทางจิต.
บทว่า ตํ ชนิตํ ภวิตญฺจ ได้แก่ นั้นเป็นที่เกิดและเป็นที่เติบโต.
บทว่า ปชานโต ได้แก่ ผู้รู้ประโยชน์มิใช่ประโยชน์คือ เหตุ
และมิใช่เหตุ. บทว่า น นิเกตหโต สิยา ความว่า ทำความอาลัย
ในที่อยู่แล้วไม่ไปในที่อื่นถูกที่อยู่ฆ่า ไม่ควรให้ถึงมรณทุกข์
เช่นนี้.
เต่าเมื่อพูดกับพระโพธิสัตว์อย่างนี้ก็ตาย. พระโพธิสัตว์
จับเอาเต่าไปแล้วให้ชาวบ้านทั้งหมดมาประชุมกัน เมื่อจะสอน
มนุษย์ทั้งหลาย จึงกล่าวอย่างนี้ว่า พวกท่านจงดูเต่านี้ ในขณะ
ที่ปลาและเต่าอื่น ๆ ไปสู่แม่น้ำใหญ่ เต่านี้ไม่อาจตัดความอาลัย
ในที่อยู่ของตนได้ ไม่ไปกับสัตว์เหล่านั้น เขาไปนอนยังที่ขนดิน
ของเรา ครั้นเราขนดินได้เอาจอบใหญ่สับหลังมันเหวี่ยงมันลง
บนบกเหมือนก้อนดิน เต่านี้จึงเปิดเผยกรรมที่ตนกระทำคร่ำครวญ
ด้วยคาถาสองคาถาแล้วก็ตาย มันทำความอาลัยในที่อยู่ของตน
ถึงแก่ความตาย แม้พวกท่านก็อย่าได้เป็นเช่นเต่าตัวนี้ ตั้งแต่
นี้ไป พวกท่านจงอย่ายึดด้วยอำนาจตัณหา ด้วยอำนาจเครื่อง
อุปโภคและบริโภคว่า รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ของเรา
บุตรของเรา ธิดาของเรา ทาสีและทาสเงินทองของเราแท้

สัตว์ผู้เดียวนี้เท่านั้นวนเวียนไปในภพสาม. พระโพธิสัตว์ได้ให้
โอวาทแก่มหาชน ด้วยพุทธสีลา ด้วยประการฉะนี้. โอวาทนั้น
แผ่ไปทั่วชมพูทวีป ดำรงอยู่ตลอดเวลาประมาณเจ็ดพันปี.
มหาชนตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ ทำบุญมีทานเป็นต้น
ทำทางสวรรค์ให้บริบูรณ์ในคราวสิ้นอายุ.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วทรงประกาศ
อริยสัจ ทรงประชุมชาดก. เมื่อจบอริยสัจกุลบุตรนั้นตั้งอยู่ใน
โสดาปัตติผล. เต่าในครั้งนั้นได้เป็นอานนท์ในครั้งนี้ ส่วนช่าง
หม้อ คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถากัจฉปชาดกที่ 8

9. สตธรรมชาดก



ว่าด้วยสตธรรมมาณพ


[207] อาหารที่เราบริโภค น้อยด้วย เป็นเดนด้วย
อนึ่ง เขาให้แก่เราโดยยากเต็มที เราเป็นชาติ
พราหมณ์บริสุทธิ์ เพราะเหตุนั้น อาหารที่เรา
บริโภคเข้าไปแล้วจึงกลับออกมาอีก.
[208] ภิกษุใดละทิ้งธรรมเสีย หาเลี้ยงชีพโดย
ไม่ชอบธรรม ภิกษุนั้นก็ย่อมไม่เพลินด้วยลาภ
แม้ที่ได้มาแล้ว เปรียบเหมือนสตธรรมมาณพ
ฉะนั้น.

จบ สตธรรมชาดกที่ 9

อรรถกถาสตธรรมชาดกที่ 9



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภ
การแสวงหาไม่ควร 21 อย่าง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ
เป็นต้นว่า ตญฺจ อปฺปญฺจ อุจฺฉิฏฺฐํ ดังนี้.
เรื่องพิสดารมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง ภิกษุเป็นอันมากสำเร็จ
ชีวิตด้วยการแสวงหาไม่ควร 21 อย่าง เป็นต้นว่า การเป็นหมอ
การเป็นทูต การส่งข่าว การรับใช้ การให้ไม้สีฟัน การให้ไม้ไผ่