เมนู

3. วิสสาสโภชนาชาดก


ว่าด้วยการไว้วางใจ


[93] " ก็บุคคลไม่ควรไว้วางใจ ในผู้ที่ยังไม่
คุ้นเคยกัน แม้ผู้ที่คุ้นเคยกันแล้ว ก็ไม่ควรไว้
วางใจ ภัยย่อมมาจากผู้ที่คุ้นเคยกัน เหมือนภัย
ของราชสีห์ เกิดจากแม่เนื้อ ฉะนั้น "

จบ วิสสาสโภชนชาดกที่ 3

อรรถกถาวิสสาสโภชนชาดกที่ 3


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภการบริโภคด้วยความวางใจ ตรัสพระธรรมเทศนานี้
มีคำเริ่มต้นว่า น วิสฺสเส อวิสฺสฏฺเฐ ดังนี้.
ความย่อว่า ในสมัยนั้น พวกภิกษุโดยมากพากันวางใจ
ไม่พิจารณาบริโภคปัจจัย 4 ที่หมู่ญาติถวาย เพราะคิดเสียว่า
มารดาของพวกเราถวาย บิดาของพวกเราถวาย พี่ชายน้องชาย
พี่สาวน้องสาว น้า อา ลุง ป้า ถวาย คนเหล่านี้ สมควรจะให้
แก่เรา แม้ในเวลาเป็นคฤหัสถ์มาแล้ว ถึงในเวลาเราเป็นภิกษุ
ก็คงเป็นผู้สมควรจะให้ได้ พระศาสดาทรงทราบเหตุนั้น ทรง
พระดำริว่า สมควรที่เราจะแสดงพระธรรมเทศนา แก่ภิกษุ

ทั้งหลาย ดังนี้แล้วรับสั่งให้เรียกประชุมภิกษุ แล้วตรัสว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาภิกษุต้องพิจารณาแล้วจึงค่อยทำการ
บริโภคปัจจัย 4 แม้ที่พวกญาติพากันถวาย ด้วยว่าพวกภิกษุ
ที่ไม่พิจารณาแล้วบริโภคเมื่อทำกาละ ย่อมไม่พ้นจากอัตภาพ
แห่งยักษ์และเปรต ขึ้นชื่อว่าการบริโภคปัจจัย 4 ที่ไม่พิจารณา
นี้ เป็นเช่นกับการบริโภคยาพิษ แม้ที่คนคุ้นเคยกันให้แล้วก็ตาม
แม้ที่คนไม่คุ้นกันให้แล้วก็ตาม ย่อมทำให้ตายได้ทั้งนั้น แม้ใน
ครั้งก่อนสัตว์ทั้งหลายบริโภคยาพิษที่เขาให้ด้วยความพิศวาส
ถึงความสิ้นชีวิตไปแล้ว อันภิกษุเหล่านั้นกราบทูลอาราธนา
ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นเศรษฐีมีสมบัติมาก คนเลี้ยงโค
ของท่านคนหนึ่ง ต้อนฝูงโคเข้าป่า ในสมัยที่ภูมิภาคแออัดไปด้วย
ข้าวกล้า ตั้งคอกเลี้ยงโคอยู่ในป่านั้น และนำโครสมาให้ท่าน-
เศรษฐีตามเวลา ก็แลในที่ไม่ห่างคนเลี้ยงโคนั้น สีหะยึดเอาเป็น
ที่อยู่อาศัย เพื่อพวกโคซูบผอมไปเพราะหวาดหวั่นต่อสีหะ น้ำนม
ก็ใส อยู่มาวันหนึ่งคนเลี้ยงโคนำเอานมมาให้ ท่านเศรษฐีจึงถามว่า
สหายโคบาลเป็นอย่างไรหรือ น้ำนมจึงได้ใส เขาแจ้งเหตุนั้น
ท่านเศรษฐีถามว่า สหาย ก็ความปฏิพัทธ์ในอะไร ๆ ของสีหะนั้น
มีบ้างไหม ? เขาตอบว่า มีครับนาย มันติดพันแม่เนื้อตัวหนึ่ง.
ท่านเศรษฐีถามว่า แกสามารถจะจับแม่เนื้อนั้นได้ไหม ? เขา

ตอบว่า พอจะทำได้ครับนาย ท่านเศรษฐีกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น
เจ้าจงจับมันให้ได้ เอายาพิษย้อมขนที่ตัว ตั้งแต่หน้าผากของมัน
ขึ้นไปพลาย ๆ ครั้ง ทำให้แห้ง กักไว้สอง-สามวัน ค่อยปล่อย
แม่เนื้อนั้นไป สีหะนั้นจักเลียสรีระของแม่เนื้อนั้นด้วยเสน่หา
ถึงความสิ้นชีวิตเป็นแน่ ทีนั้นเจ้าจงเอาหนังเล็บเขี้ยวและเนื้อ
ของมันมาให้ แล้วมอบยาพิษอย่างแรงให้ส่งตัวไป คนเลี้ยงโค
วางข่ายจับแม่เนื้อนั้นได้ด้วยอุบาย แล้วได้กระทำตามสั่ง สีหะ
เห็นแม่เนื้อนั้นแล้ว เลียสรีระของแม่เนื้อนั้นด้วยเสน่หาอย่าง
รุนแรง ถึงความสิ้นชีวิต ฝ่ายคนเลี้ยงโค ก็เอาหนังเป็นต้น ไปสู่
สำนักพระโพธิสัตว์.
พระโพธิสัตว์ทราบเหตุนั้นแล้ว กล่าวว่า ขึ้นชื่อว่าเสน่หา
ในพวกอื่นไม่ควรกระทำ สีหะผู้เป็นมฤคราช ถึงจะสมบูรณ์ด้วย
กำลังอย่างนี้ ก็เพราะอาศัยความติดพันด้วยอำนาจกิเลส เลีย
สรีระของแม่เนื้อ ทำการบริโภคยาพิษ ถึงสิ้นชีวิตไปแล้ว เมื่อ
จะแสดงธรรมแก่บริษัทที่ประชุมกัน กล่าวคาถานี้ ความว่า
บุคคลไม่ควรไว้วางใจในผู้ที่ยังไม่คุ้นเคย
กัน แม้ผู้ที่คุ้นเคยกันแล้ว ก็ไม่ควรไว้วางใจ
ภัยย่อมมาจากผู้ที่คุ้นเคยกัน เหมือนภัยของ
ราชสีห์เกิดจากแม่เนื้อ ฉะนั้น ดังนี้.

ในคาถานั้น มีความสังเขปดังนี้ ผู้ใดในกาลก่อน เคยเป็น
ภัยยังไม่เป็นที่มักคุ้นกับตน ไม่พึงวางใจ คือไม่พึงทำความมักคุ้น

กับผู้ไม่คุ้นเคยนั้น ผู้ใดแม้ในกาลก่อนจะไม่เคยเป็นภัย เป็นผู้
สนิทสนมมักคุ้นอยู่กับตน แม้ในมักคุ้นกันนั้น ก็ไม่ควรวางใจ
คือไม่พึงทำความสนิทสนมเลยทีเดียว เพราะเหตุไร ? เพราะ
ภัยย่อมมาจากผู้ที่คุ้นเคยกัน ได้แก่ภัยนั่นแหละ ย่อมมาแต่ความ
คุ้นเคยทั้งในมิตร ทั้งในอมิตร อย่างไร ? เหมือนอย่างภัยของ
ราชสีห์ เกิดแต่แม่เนื้อฉะนั้น คืออย่างเดียวกันกับภัยที่มาถึง
กระชั้นชิดประจวบเข้าแก่สีหะ จากสำนักแม่เนื้อที่ตนกระทำ
ความวางใจ ด้วยอำนาจมิตตสันถวะ อีกนัยหนึ่งมีอธิบายว่า
อย่างเดียวกันกับแม่เนื้อที่ปรารถนาจะมาหา เข้าใกล้สีหะด้วย
ความพิศวาสดังนี้บ้าง.
พระโพธิสัตว์แสดงธรรมแก่บริษัทที่มาประชุมกัน ด้วย
ประการฉะนี้ ทำบุญทั้งหลายมีให้ทานเป็นต้น แล้วไปตาม
ยถากรรม.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม
ชาดกว่า มหาเศรษฐีในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาวิสสาสโภชนชาดกที่ 3

4. โลมหังสชาดก


ว่าด้วยการแสวงหาอย่างประเสริฐ


[94] " เราเร่าร้อนแล้ว หนาวเหน็บแล้ว อยู่
ผู้เดียวในป่าอันน่าสะพึงกลัว เป็นคนเปลือย
ไม่ได้ผิงไฟ เป็นมุนีขวนขวายแล้ว ในการ
แสวงบุญ "

จบ โลมหังสชาดกที่ 4

อรรถกถาโลมหังสชาดกที่ 4


พระศาสดาทรงอาศัยพระนครเวสาลี ประทับอยู่ ณ
ปาฏิการาม ทรงปรารภท่านพระสุนักขัตตะ ตรัสพระธรรม-
เทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า โสตตฺโต โสสีโต ดังนี้.
ความพิสดารว่า สมัยหนึ่งท่านพระสุนักขัตตะเป็นผู้
อุปัฏฐากพระศาสดา ถือบาตรจีวรตามเสด็จไป เกิดพอใจธรรม
ของโกรักขัตติยปริพาชก ถวายบาตรจีวรคืนพระทศพล ไปอาศัย
โกรักขัตติยปริพาชก ในเมื่อโกรักขัตติยปริพาชกนั้นไปเกิดใน
กำเนิดอสูรพวกกาลัญชิกะ จึงสึกเป็นคฤหัสถ์เที่ยวกล่าวติโทษ
พระศาสดา ตามแนวกำแพงทั้ง 3 ในพระนครเวสาลีว่า อุตตริ-
มนุษยธรรม คือญาณทัสสนอันวิเศษซึ่งพอแก่ความเป็นพระอริยเจ้า