เมนู

ขึ้นจับติดต้นไม้นั้นแหละ ตามอาการที่พระโพธิสัตว์คิดแล้วนั่นแล เมื่อควัน
และเปลวไฟตั้งขึ้น นกทั้งหลาย (มีตา) มีมัวเพราะควัน จึงไม่อาจไปที่ไหน
ได้ พากันตกลงในไฟถึงความพินาศ.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ในกาลก่อนแม้สัตว์ดิรัจฉานทั้งหลาย
อยู่บนยอดไม้ ก็ยิ่งรู้ความสบายและไม่สบายของตนอย่างนี้ เพราะเหตุไร เธอ
จึงไม่รู้ดังนี้. ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วจึงทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย
ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุนั้นตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล ฝ่ายพระศาสดาก็ทรงสืบ
อนุสนธิประชุมชาดกว่า นกทั้งหลายที่ทำตามคำของพระโพธิสัตว์ ใน
ครั้งนั้น ได้เป็นพุทธบริษัทในบัดนี้ ส่วนนกผู้เป็นบัณฑิต ได้เป็น
เราเองแล.

จบสกุณชาดกที่ 6

7. ติตติรชาดก



ว่าด้วยผู้มีความอ่อนน้อม



[37] นรชนเหล่าใด ฉลาดในธรรม ย่อมนอบน้อม
คนผู้เจริญ นรชนเหล่านั้นเป็นผู้ได้รับความสรรเสริญ
ในปัจจุบันนี้ และมิสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.

จบติตติรชาดกที่ 7

7. อรรถกถกาติตติรชาดก



พระศาสดาเมื่อเสด็จไปยังนครสาวัตถีทรงปรารภการห้ามเสนาสนะพระ
สารีบุตร จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริมต้นว่า เย วุฑฺฒมปจายนฺติ
ดังนี้.
ความพิศดารว่า เมื่อท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี สร้างวิหารเสร็จแล้ว
ส่งทูตไป (นิมนต์) พระศาสดาเสด็จออกจากนครราชคฤห์ ถึงนครเวสาลี
ประทับอยู่ในนครเวสาลีนั้น ตามความพอพระทัย แล้วทรงพระดำริว่า จักไป
นครสาวัตถี จึงเสด็จดำเนินไปตามทาง. สมัยนั้น อันเตวาสิกทั้งหลายของภิกษุ
ฉัพพัคคีย์พากันล่วงหน้าไป เมื่อพระเถระทั้งหลายยังไม่ได้จับจองเสนาสนะเลย
พากันหวงเสนาสนะด้วยการพูดว่า เสนาสนะนี้จักเป็นของอุปัชฌาย์ของพวกเรา
เสนาสนะนี้จักเป็นของอาจารย์ของพวกเรา เสนาสนะนี้จักเป็นของพวกเราเท่า
นั้น. พระเถระทั้งหลายที่มาภายหลัง ย่อมไม่ได้เสนาสนะ อันเตวาสิกทั้งหลาย
แม้ของพระสารีบุตรเถระพากันแสวงหาเสนาสนะเพื่อพระเถระ ก็ไม่ได้. พระ-
เถระเมื่อไม่ได้เสนาสนะจึงยับยั้งอยู่ ด้วยการนั่งและการเดินจงกรม ที่โคนไม้
แห่งหนึ่ง ในที่ไม่ไกลเสนาสนะของพระศาสดานั้นเอง. ในเวลาใกล้รุ่ง พระ-
ศาสดาเสด็จออกมาทรงพระกาสะ (ไอ) พระเถระก็ไอขึ้น. พระศาสดาตรัส
ถามว่า นั้นใคร ? พระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าพระองค์สารีบุตร พระเจ้าข้า.
พระศาสดาตรัสถามว่า สารีบุตร เธอทำอะไรอยู่ในที่นี้ในเวลานี้ พระสารี-
ครั้นจึงกราบทูลเรื่องราวนั้น. เมื่อพระศาสดาได้ทรงสดับคำของพระสารีบุตร
แล้วทรงรำพึงว่า เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ในบัดนี้ ภิกษุทั้งหลายยังไม่เคารพไม่
ยำเกรงกันและกันก่อน เมื่อเราปรินิพพานแล้ว ภิกษุทั้งหลายจักทำอย่างไรกัน