เมนู

โสฬสกนิบาต


1. ปุณริกาเถรีคาถา


[446] พระปุณณิกาเถรีได้กล่าวคาถาเหล่านี้เป็นอุทานว่า
ข้าพเจ้าถามพราหมณ์ว่า
ข้าพเจ้าเป็นหญิงแบกหม้อน้ำ กลัวเจ้านายลงโทษ
กลัววาจาและโทสะเจ้านายคุกคาม จึงลงตักน้ำเป็น
ประจำ แม้แต่หน้าหนาว.
ท่านพราหมณ์ ท่านกลัวอะไร จึงลงอาบน้ำทุก
เมื่อ ท่านมีตัวสั่นเทา ประสบความหนาวเย็นอย่างหนัก

พราหมณ์ตอบว่า
ดูก่อนแม่ปุณณิกาผู้เจริญ เจ้ารู้ว่าเรากำลังทำกุศล-
กรรม อันปิดเสียซึ่งบาปกรรม ยังจะสอบถามอยู่หรือ
หนอ ผู้ใดไม่ว่าแก่หรือหนุ่ม ประกอบกรรมที่เป็นบาป
แต่ผู้นั้น ก็จะหลุดพ้นจากบาปกรรมได้ เพราะการ
อาบน้ำ.

ข้าพเจ้ากล่าวว่า
ใครหนอ ช่างไม่รู้ มาบอกแก่ท่าน ซึ่งก็ไม่รู้ว่า
คนจะหลุดพ้นจากบาปกรรมได้ เพราะการอาบน้ำ
พวกกบ เต่า งู จระเข้ และสัตว์อื่นใดที่สัญจรอยู่
ในน้ำ ทั้งหมด ก็คงจะพากันไปสวรรค์แน่แท้.

คนฆ่าแพะ คนฆ่าสุกร คนฆ่าปลา คนล่าเนื้อ
พวกโจร พวกเพชฌฆาต และทำบาปกรรมอื่น ๆ แม้
คนทั้งนั้น ก็จะหลุดพ้นจากบาปกรรมได้ เพราะการ
อาบน้ำ.
ถ้าหากว่า แม่น้ำเหล่านี้ จะพึงนำบาปที่ท่าน
ทำมาแต่ก่อนไปได้ไซร้ แม่น้ำเหล่านี้ก็จะพึงนำทั้งบุญ
ของท่านไปด้วย ท่านก็จะพึงห่างจากบุญนั้นไป.
ท่านพราหมณ์ ท่านกลัวบาปอันใด จึงลงอาบน้ำ
ทุกเมื่อ ท่านพราหมณ์ ท่านก็อย่าทำบาปกรรมอันนั้น
ขอความหนาวเย็นอย่าทำลายผิวท่านเลย.

พราหมณ์กล่าวว่า
ท่านนำเราผู้เดินทางผิดมาสู่ทางถูก [อริยมรรค]
แม่ปุณณิกาผู้เจริญ เราขอมอบผ้าสาฏกผืนนี้ให้ท่าน
เพื่อใช้อาบน้ำ.

ข้าพเจ้ากล่าวว่า
ผ้าสาฎกผืนนี้จงเป็นของท่านเท่านั้นเถิด ข้าพเจ้า
ไม่ต้องการผ้าสาฎกผืนนี้ดอก ถ้าท่านกลัวทุกข์ ถ้า
ทุกข์ไม่น่ารักสำหรับท่าน ท่านก็อย่าทำบาปกรรมทั้ง
ในที่ลับ ทั้งในที่แจ้ง ก็หากว่าท่านจักกระทำหรือ
กำลังกระทำบาปกรรม ท่านถึงจะเหาะหนีไป ก็ไม่พ้น
ไปจากทุกข์ได้เลย.

ถ้าท่านกลัวทุกข์ ถ้าทุกข์ไม่น่ารักสำหรับท่าน
ท่านก็จงถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เช่น
นั้นเป็นสรณะ จงสมาทานศีล ข้อนั้นก็จักเป็นไปเพื่อ
ความหลุดพ้นของท่าน.

พราหมณ์กล่าวว่า
แต่ก่อน เราเป็นเผ่าพันธุ์ของพรหม บัดนี้เรา
เป็นพราหมณ์จริง มีวิชชา 3 ถึงพร้อมด้วยเวท เป็น
โสตถิยะ [พราหมณ์หนที่ 2] ผู้อาบน้ำเสร็จแล้ว.

จบ ปุณณิกาเถรีคาถา
จบ โสฬสกนิบาต

อรรถกถาโสฬกนิบาต


อรรถกถาปุณณาเถรีคาถา1


ใน โสฬสกนิบาต คาถาว่า อุทหารี อหํ สีเต เป็นต้น เป็น
คาถาของ พระปุณณาเถรี มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
พระเถรีแม้รูปนี้ ก็บำเพ็ญบารมีมาในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ สร้าง
สมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานมาในภพนั้น ๆ ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระนามว่าวิปัสสี ก็บังเกิดในเรือนสกุล รู้เดียงสาแล้ว เกิดความสังเวช
เพราะเป็นผู้พรักพร้อมด้วยเหตุสัมปทา ก็ไปสำนักภิกษุณีฟังธรรม ได้ศรัทธา
แล้วบวชมีศีลบริสุทธิ์ เรียนพระไตรปิฎก เป็นพหูสูต ทรงธรรม และเป็น
1. บาลีเป็นปุณณิกาเถรีคาถา.