เมนู

ทวาทสกนิบาต


1. อุบลวรรณาเถรีคาถา


[465] พระอุบลวรรณาเถรีกล่าวกะมารว่า
เราทั้งสอง คือมารดาและธิดาเป็นหญิงร่วมสามี
กัน เรานั้นมีความสลดใจ ขนลุก ไม่เคยเป็น
น่าตำหนิจริงหนอ กามทั้งหลายไม่สะอาด มี
กลิ่นเหม็น มีหนามมาก ที่เราทั้งสอง คือมารดาและ
ธิดา เป็นภริยาร่วมกัน.
เราเห็นโทษในกามทั้งหลาย เห็นเนกขัมมะเป็น
ความเกษมปลอดโปร่ง ออกจากเรือนบวชไม่มีเรือน.
เรารู้ปุพเพนิวาสญาณระลึกชาติได้ ชำระทิพย-
จักษุตาทิพย์ ชำระเจโตปริยญาณ รู้ใจคนอื่นได้ ชำระ
ทิพโสตธาตุ หูทิพย์ แม้ฤทธิ์เราก็ทำให้แจ้งแล้ว
ธรรมเป็นที่สิ้นอาสวะเราก็บรรลุแล้ว อภิญญา 6 เรา
ก็ทำให้แจ้งแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราก็
กระทำเสร็จแล้ว.
เราเนรมิตรถเทียมม้า 4 ตัวด้วยฤทธิ์ มาถวาย
บังคมพระยุคลบาท ของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นที่พึงของ
โลก ผู้มีสิริ ยืนอยู่ ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง


มารถามขู่พระเถรีว่า
ท่านเข้าไปยังต้นไม้ที่มีดอกบานถึงยอด ยืนอยู่
แต่ผู้เดียวที่โคนไม้ แม้เพื่อนไร ๆ ของท่านก็ไม่มีเลย
ท่านไม่กลัวความสามหาวของพวกนักเลงเจ้าชู้หรือ.

พระเถรีตอบว่า
ต่อให้นักเลงเจ้าชู้นับแสนเช่นนี้มารุมล้อม ขน
ของเราก็ไม่หวั่นไหว ดูก่อนมาร ท่านผู้เดียวจักทำ
อะไรเราได้.
เราหายตัวได้นะ เข้าท้องท่านก็ได้ ยินอยู่หว่าง
คิ้วท่านก็ได้ ท่านไม่เห็นเราดอก เพราะเราชำนาญใน
จิต อบรมอิทธิบาทดีแล้ว อภิญญา 6 เราก็ทำให้แจ้ง
แล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราก็ทำเสร็จแล้ว.
ถามทั้งหลาย เปรียบด้วยหอกและหลาว เป็น
เครื่องบีบคั้นขันธ์ทั้งหลาย ท่านเอ่ยถึงความยินดีใน
ก้านอันใด บัดนี้เราไม่มีความยินดีอันนั้น ความเพลิด
เพลินในกามทั้งปวงเราขจัดเสียแล้ว กองแห่งความมืด
[อวิชชา] เราก็ทำลายเสียแล้ว ดูก่อนมารผู้มีบาป ท่าน
จงรู้ไว้เถิด ดูก่อนมารผู้กระทำที่สุด ถึงตัวท่านเรา
ก็ขจัดเสียแล้ว.

จบ อุบลวรรณาเถรีคาถา
จบ ทวาทสกนิบาต

อรรถกถาทวาทสกนิบาต


1. อรรถกถาอุบลวรรณาเถรีคาถา


ใน ทวาทสกนิบาต คาถาว่า อุโภ มาตา จ ธีตา จ เป็นต้น
เป็นคาถาของ พระอุบลวรรณเถรี มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
พระเถรีแม้รูปนี้ ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ก็
บังเกิดในเรือนสกุล กรุงหังสวดี รู้เดียงสาแล้วก็ไปเฝ้าพระศาสดา พร้อมกับ
มหาชนฟังธรรม เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่ง
เอตทัคคะเป็นเลิศของเหล่าภิกษุณีผู้มีฤทธิ์ จึงถวายมหาทานแก่พระภิกษุสงฆ์มี
พระพุทธเจ้าเป็นประธาน 7 วัน ปรารถนาตำแหน่งนั้น นางกระทำกุศลจนตลอด
ชีวิต ท่องเที่ยวอยู่ในเทวดาและมนุษย์ ครั้งพระกัสสปพุทธเจ้า ก็ถือปฏิสนธิ
ในพระราชมณเฑียรของพระเจ้ากาสี พระนามว่า กิกิ กรุงพาราณสี เป็น
พระราชธิดาองค์หนึ่ง ระหว่างพระพี่น้องนาง 7 พระองค์ ทรงประพฤติ
พรหมจรรย์อยู่ถึง 20,000 ปี สร้างบริเวณถวายพระภิกษุสงฆ์แล้วบังเกิดใน
เทวโลก.
ครั้นจุติจากเทวโลกนั้นแล้ว ก็กลับมาสู่มนุษยโลกอีก บังเกิดในสถาน
ที่ของคนทำงานด้วยมือตนเองเลี้ยงชีวิต ในหมู่บ้านตำบลหนึ่ง วันหนึ่งนาง
กำลังเดินไปกระท่อมกลางนา ระหว่างทาง เห็นดอกปทุมบานแต่เช้าตรู่ใน
สระแห่งหนึ่ง จึงลงสู่สระนั้น เก็บดอกปทุมนั้นและใบปทุม สำหรับใส่ข้าว
ตอก ตัดรวงข้าวสาลีที่คันนา นั่งในกระท่อมคั่วข้าวตอก จัดวางข้าวตอกไว้
500 ดอก ขณะนั้น ที่ภูเขาคันธมาทน์ พระปัจเจกพุทธเจ้า องค์หนึ่ง